Middle|Left Black

e-Tax Invoice & e-Receipt

​​​​​​​​​​​​​​​​​​​

None
10
Padding
คืออะไร
Black
Middle|Left
Left
InvisibleSectionName
30
Padding
ทำไมต้องสมัครบริการนี้
Black
Middle|Left
Left
InvisibleSectionName
20
Padding
คุณสมบัติการสมัครบริการ
Black
Middle|Left
Left
InvisibleSectionName
40
Padding
คำถามที่พบบ่อย
Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
12
Padding
 
 

บริการ e-Tax Invoice &
e-Receipt ​ของ KBank

เป็นบริการในการออกใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งจะต้องลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) และต้องนำส่งข้อมูลให้แก่คู่ค้าและสรรพากร

Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
31
Padding

ทำไมต้องสมัครบริการ e-Tax Invoice & e-Receipt ของ KBank?

ลดต้นทุนในการจัดการเอกสาร
และกระบวนการทำงาน

สะดวกและประหยัดเวลา
ในการจัดส่งเอกสาร

ประหยัดพื้นที่
ในการจัดเก็บเอกสาร

สะดวก รวดเร็ว
ในการค้นหาเอกสาร

ปลอดภัย มีมาตรฐาน
ในการจัดเก็บเอกสาร
ตามที่ธนาคารกำหนด


Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
21
Padding

คุณสมบัติการสมัครบริการ e-Tax Invoice & e-Receipt ของ KBank

  • ผู้ใช้บริการจะต้องลงทะเบียนเข้าโครงการ e-Tax กับกรมสรรพากร และขอ Digital Signature (ธนาคารดำเนินการให้)
  • ผู้ใช้บริการจะต้องมี บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน หรือ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ของธนาคารกสิกรไทย

Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
41
Padding

คำถามที่พบบ่อย (บริการ e-Tax Invoice & e-Receipt ของ KBank)

บริการ e-Tax Invoice & e-Receipt ของ KBank เหมาะกับใคร?

ลูกค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร และต้องการออกเอกสาร เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบเพิ่มหนี้และใบลดหนี้ หรือใบลดหนี้ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ มีการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature)

ลายมือชื่อดิจิทัล Digital signature คืออะไร?

ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) คือ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้น เพื่อยืนยันตัวตนของนิติบุคคลนั้นๆ สำหรับการออกเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

ผู้ประกอบการต้องนำส่งข้อมูลใดให้แก่กรมสรรพากรบ้าง?

ข้อมูลเอกสารทางภาษี 4 ประเภท คือ 1. ใบกำกับภาษี (ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี) 2. ใบเสร็จรับเงิน 3. ใบเพิ่มหนี้ 4. ใบลดหนี้

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องเก็บไว้นานเท่าใด?

ต้องเก็บรักษาใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี

สนใจสมัครบริการ e-Tax Invoice & e-Receipt ของ KBank หรือต้องการยกเลิกการใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ไหน?

ลูกค้าธุรกิจที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ K-BIZ Contact Center
02-888-8822


Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
32
Padding
 
 

ได้รับการรับรองจาก สพธอ.

ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
สําหรับผู้ให้บริการจัดทํา ส่งมอบ และเก็บรักษาข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ (ขมธอ. 21-2562) ระดับพื้นฐาน
ภายใต้ขอบข่ายการนำส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับใบกำกับภาษี
อิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์

หนังสือรับรองระบบสารสนเทศของผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์




Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
22
Padding

Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
11
Padding

เตรียมพร้อมธุรกิจ เพิ่มยอดขายดี
ให้ธุรกิจง่ายๆ
ช่วยผู้ซื้อลดหย่อนภาษีกับโครงการ Easy E-Receipt
เพื่อออกใบกำกับภาษี
ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
รูปแบบตามที่กรมสรรพากรกำหนด
สมัครเลยบริการ e-Tax Invoice &
e-Receipt ของ KBank

e-Tax Invoice & e-Receipt e-Tax Invoice & e-Receipt  
  • รีบสมัครวันนี้ ใช้บริการได้ภายใน 10 วันทำการ

    รีบสมัครวันนี้ ใช้บริการได้ภายใน 10 วันทำการ

    (นับวันถัดไปที่ธนาคารได้รับเอกสารใบสมัคร)

  • สมัครบริการง่ายเพียงมีบัญชีเงินฝากกสิกร หรือ สมัครบริการพร้อมเปิดบัญชีใหม่

    สมัครบริการง่ายเพียงมีบัญชีเงินฝากกสิกร หรือ สมัครบริการพร้อมเปิดบัญชีใหม่

    (บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน หรือ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ของธนาคารกสิกรไทย)

  • ลูกค้าธุรกิจที่สนใจสมัคร

    สามารถติดต่อได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า
    หรือ K-BIZ Contact Center 02-888-882202-888-8822

  • โทรสอบถาม
คำถาม-คำตอบ มาตรการลดหย่อนภาษี “Easy E-Receipt”

Black
Middle|Left
Left
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ ปี 2567 ประกอบด้วยมาตรการประเภทใดบ้าง?

มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องภายในประเทศปี 2567 ประกอบด้วย 

  1. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรม​​สัมมนาภายในประเทศ (สำหรับนิติบุคคล)
  2. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา)
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (สำหรับนิติบุคคล) เป็นการให้สิทธิประโยชน์อะไร?

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนา ภายในประเทศที่จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับ ภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรเท่านั้น เว้นแต่ค่าขนส่งจะจ่าย ให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ ซึ่งจะต้องได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบใบรับอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice &e-Receipt ของกรมสรรพากรโดยสิทธิประโยชน์ทางภาษี มีรายละเอียด ดังนี้

  1. หักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวรอง หรือในเขตพื้นที่ ท่องเที่ยวอื่นใดที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  2. หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในท้องที่อื่นนอกจากท้องที่ตามข้อ 1)
  3. ในกรณีที่การจัดอบรมสัมมนาครั้งหนึ่ง ๆ เกิดขึ้นในท้องที่ตามข้อ 1) และข้อ 2) ต่อเนื่องกัน ให้หักรายจ่ายที่สามารถ แยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดตามข้อ 1) หรือข้อ 2) แล้วแต่กรณี และให้หักรายจ่ายที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใด ได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนาการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา) เป็นการให้สิทธิประโยชน์อะไร?

ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลสามารถหัก ลดหย่อนค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนาเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พัก ในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม สำหรับการเดินทาง ท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวรองได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ จะต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตาม มาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรเท่านั้น

จังหวัดท่องเที่ยวรอง มีกี่จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดอะไรบ้าง?

จังหวัดท่องเที่ยวรองมีทั้งหมด 55 จังหวัด ดังนี้

  1. ภาคเหนือ 16 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ลำพูน อุตรดิตถ์ ลำปาง แม่ฮ่องสอน พิจิตร แพร่ น่าน กำแพงเพชร อุทัยธานี และพะเยา
  2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี อุบลราชธานี หนองคาย เลย มุกดาหาร บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สกลนคร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร หนองบัวลาภู และอำนาจเจริญ
  3. ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก 12 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี นครนายก สระแก้ว ตราด จันทบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี ชัยนาท อ่างทอง และสิงห์บุรี
  4. ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร ระนอง นราธิวาส ยะลา และปัตตานี
รายชื่อเขตพื้นที่ท่องเที่ยวโดยคำแนะนำของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำหรับการจัดอบรมสัมมนา และการเดินทางท่องเที่ยวและที่พัก เพิ่มเติมจากจังหวัดท่องเที่ยวรองพื้นที่บางอำเภอในจังหวัด 15 จังหวัด
  1. จังหวัดกระบี่ อำเภอเขาพนม อำเภอปลายพระยา อำเภอลำทับ
  2. จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอดานมะขามเตี้ย อำเภอท่าม่วง อำเภอท่ามะกา อำเภอบ่อพลอย อำเภอพนมทวน อำเภอเลาขวัญ อำเภอหนองปรือ อำเภอห้วยกระเจา
  3. จังหวัดขอนแก่น อำเภอกระนวน อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอโคกโพธิ์ไชย อำเภอชนบท อำเภอชุมแพ อำเภอซำสูง อำเภอน้ำพอง อำเภอโนนศิลา อำเภอบ้านไผ่ อำเภอบ้านฝาง อำเภอบ้านแฮด อำเภอเปือยน้อย อำเภอพระยืน อำเภอพล อำเภอภูผาม่าน อำเภอภูเวียง อำเภอมัญจาคีรี อำเภอเวียงเก่า อำเภอแวงน้อย อำเภอแวงใหญ่ อำเภอสีชมพู อำเภอหนองนาคำ อำภอหนองเรือ อำเภอหนองสองหอง อำเภออุบลรัตน์
  4. จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอคลองเขื่อน อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอแปลงยาว อำเภอราชสาสน์ อำเภอสนามชัยเขต
  5. จังหวัดชลบุรี อำเภอเกาะจันทร์ อำเภอบ่อทอง อำเภอบ้านบึง อำเภอพนัสนิคม อาำภอพานทอง อำเภอหนองใหญ่
  6. จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอไชยปราการ อำเภอดอยเต่า อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอดอยหล่อ อำเภอพร้าว อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่แตง อำเภอแม่วาง อำเภอแม่อาย อำเภอเวียงแหง อำเภอสะเมิง อำเภอสันทราย อำเภอสันป่าตอง อำเภอสารภี อำเภออมก๋อย อำเภอฮอด
  7. จังหวัดนครรราชสีมา อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอคง อำเภอครบุรี อำเภอจักราช อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอชุมพวง อำเภอโชคชัย อำเภอด่านขุนทด อำเภอเทพารักษ์ อำเภอโนนแดง อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง อำเภอบัวลาย อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบานเหลื่อม อำเภอประทาย อำเภอปักธงชัย อำเภอพระทองคำ อำเภอพิมาย อำเภอเมืองยาง อำเภอลาทะเมนชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว อำเภอสีดา อำเภอสูงเนิน อำเภอเสิงสาง อำเภอหนองบุญมาก อำเภอห้วยแถลง
  8. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย
  9. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอบางซ้าย อำเภอบางบาล อำเภอบางปะหัน อำเภอบ้านแพรก อำเภอผักไห่ อำเภอภาชี อำเภอมหาราช อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอวังน้อย อำเภอเสนา อำเภออุทัย
  10. จังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา อำเภอเมืองบางปะกง อำเภอคุระบุรี อำเภอทับปุด อำเภอท้ายเหมือง อำเภอเกาะยาว อำเภอตะกั่วทุง
  11. จังหวัดเพชรบุรี อำเภอบ้านลาด อำเภอหนองหญ้าปล้อง
  12. จังหวัดระยอง อำเภอเขาชะเมา อำเภอนิคมพัฒนา อำเภอบ้านค่าย อำเภอบ้านฉาง อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์
  13. จังหวัดสงขลา อำเภอเมืองสงขลา อำเภอกระแสสินธุ อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอควนเนียง อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอนาหม่อม อำเภอบางกล่ำ อำเภอระโนด อำเภอรัตภูมิ อำเภอสทิงพระ อำเภอสะเดา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอสิงหนคร
  14. จังหวัดสระบุรี อำเภอแก่งคอย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอดอนพุด อำเภอบ้านหมอ อำเภอวังม่วง อำเภอวิหารแดง อำเภอหนองแค อำเภอหนองแซง อำเภอหนองโดน
  15. จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอเคียนซา อำเภอชัยบุรี อำเภอไชยา อำเภอดอนสัก อำเภอท่าฉาง อำเภอท่าชนะ อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน อำเภอวิภาวดี อำเภอเวียงสระ
โฮมสเตย์ไทยที่เข้าข่ายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา) คือโฮมสเตย์ไทยใดบ้าง?

โฮมสเตย์ตามประกาศกรมการท่องเที่ยว เรื่อง รายชื่อโฮมสเตย์ที่ได้รับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยประจำปี พ.ศ. 2566 และโฮมสเตย์นั้นต้องมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับกรมสรรพากรโดย สามารถตรวจสอบรายชื่อโฮมสเตย์ไทย ที่มีสิทธิเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/

ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวที่สามารถออก e-Tax Invoice & e-Receipt ได้จากที่ใด?

สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร https://efiling.rd.go.th/rd-questionnaire-web/etax-invoice

ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt คืออะไร และแตกต่างจากใบกำกับภาษีและใบรับในรูปแบบกระดาษ
อย่างไร?

e-Tax Invoice & e-Receipt คือ ใบกำกับภาษี (e-Tax Invoice) และใบรับ (e-Receipt) ที่ได้มีการจัดทำข้อความขึ้น เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และได้ลงลายมือชื่อโดยใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ซึ่งประชาชนไม่ต้อง เก็บรักษาใบกำกับภาษีและจัดส่งให้กรมสรรพากรในการเข้าร่วมมาตรการ โดยสามารถใช้ข้อมูล e-Tax Invoice ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากรในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี และเจ้าหน้าที่จะไม่ขอให้ส่งใบกำกับภาษีอีก หากมีข้อมูล ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากรแล้ว

ต้องใช้หลักฐานใดในการใช้สิทธิหักลดหย่อนในมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายใน ประเทศ (สำหรับนิติบุคคล)?

หลักฐานที่ใช้ คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จากระบบ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร (ใบกำกับภาษีที่มี ข้อความระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้ำหรือผู้รับบริการ) เว้นแต่ค่าขนส่งจากผู้ประกอบการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องมีหลักฐานใบรับในรูปแบบใบ รับอิเล็กทรอนิกส์จากระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร ซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือ ผู้รับบริการด้วย

ต้องใช้หลักฐานใดในการใช้สิทธิหักลดหย่อนมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา) ?

หลักฐานที่ใช้ คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จากระบบ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร (ใบกำกับภาษีที่มี ข้อความระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ)

ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐาน ในการหักลดหย่อน หมายถึงอะไร ?

ใบกำกับภาษีที่มีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้

  1. คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
  2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี
  3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
  4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)
  5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ
  6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการโดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้า และหรือของบริการให้ชัดแจ้ง
  7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
  8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด เช่น คำว่าเอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ ทั้งนี้ e-Tax Invoice ต้องมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้มีเงินได้ที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการตามที่อธิบดี กรมสรรพากรประกาศกำหนดด้วย
ผู้ประกอบการสามารถสมัครบริการ e-Tax Invoice & e-Receipt ของ KBank ได้อย่างไร?

ติดต่อได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ K-BIZ Contact Center 02-888​​8822

ประชาชนสามารถขอ e-Tax Invoice จากผู้ประกอบการได้อย่างไร?

หากเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติ สามารถแจ้งความประสงค์ต่อผู้ประกอบการจดทะเบียนให้ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จากระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร

ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรจากการรับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice?

ประชาชนที่ได้รับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice จะไม่ต้องขอใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษจากผู้ประกอบการอีก เนื่องจากกรมสรรพากรสามารถตรวจสอบข้อมูลใบกำ​กับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้จากระบบ e-Tax Invoice ทำให้ประชาชน ไม่ต้องเก็บเอกสารในรูปแบบกระดาษในการยื่นแบบภาษี นอกจากนี้ การได้รับใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice จะให้การตรวจคืนภาษีเร็วขึ้น เนื่องจากมีข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในระบบแล้ว เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจึงสามารถ ตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ผู้ประกอบการได้ประโยชน์อย่างไรจากการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice ?

ร้านค้ามีต้นทุนการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีลดลง เพราะ e-Tax Invoice มีต้นทุนต่ำกว่ากระดาษและกรมสรรพากรยังให้หัก รายจ่ายการลงทุนที่ได้จ่ายไปในการพัฒนาระบบ การจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ และการนำส่งภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ 2 เท่าอีกด้วย ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 766) พ.ศ. 2566

มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (สำหรับนิติบุคคล) และมาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา)หากมีรายจ่ายเกิดขึ้นช่วงระหว่าง วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 - วันที่ 3 มิถุนายน 2567 ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 สามารถใช้ได้ตามมาตรการหรือไม่

ได้ (ทั้งสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) หากเป็นไปตามเงื่อนไขของมาตรการนี้





None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left