คุมเข้มการเงินแบบ SME ทำอย่างไร?
ไม่มีครั้งไหนที่ผู้ประกอบการ SME ต้องเจอวิกฤตลากยาวนานเท่าครั้งนี้ กระแสเงินสด (Cash Flow) กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับ FTI Poll ของ ส.อ.ท. ที่ระบุว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่นี้ ส่งผลกระทบต่อ SME มากกว่าช่วงปี
2563 และการขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นหนึ่งในผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ โดยสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเยียวยา คือ การลดค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าสาธารณูปโภค รวมไปถึงค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการ ค่าส่วนกลางของห้างสรรพสินค้า
ศูนย์การค้า และพื้นที่เช่าโรงงาน เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับในสถานการณ์ที่ธุรกิจไม่สามารถมีรายได้ตามปกติ
เป็นการสะท้อนได้อย่างดีว่า ค่าใช้จ่าย เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่ง SME จะมีวิธีจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างไรบ้าง มาดูกัน
- จัดลำดับความสำคัญของรายจ่าย เช่น เงินเดือนพนักงาน เป็นรายจ่ายอันดับต้นๆ ที่ต้องจ่ายก่อน ส่วนรายจ่ายอื่นๆ อะไรที่สามารถยืดเวลาจ่ายได้ ให้ยืดเวลาออกไป เช่น ค่าเช่าร้าน หรือสำนักงาน จากที่ต้องจ่ายต้นเดือน อาจขอขยับเวลาจ่ายปลายเดือนแทน เพื่อให้สามารถหมุนเงินได้คล่องตัว
- ต่อรองเพื่อขอส่วนลดจากคู่ค้า โดยเรียงรายชื่อคู่ค้า ตามค่าใช้จ่ายจากมากไปน้อย แล้วให้เจรจากับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดก่อน เพื่อขอลดราคา หรือเปลี่ยนเป็นทำสัญญาระยะยาวเพื่อแลกกับการจ่ายเงินที่น้อยลง
- บริหารเครดิตเทอมใหม่ ระยะเวลาเครดิตเทอมระหว่างลูกหนี้การค้ากับเจ้าหนี้การค้าต้องไม่เท่ากัน เช่น ให้เครดิตเทอมลูกหนี้การค้า 30 วัน ก็ต้องยืดเครดิตเทอมเจ้าหนี้การค้าเป็น 45 วัน เพื่อให้สามารถเก็บเงินจากลูกหนี้ได้ก่อน แล้วค่อยจ่ายออกไปให้เจ้าหนี้
วิธีนี้จะช่วยให้ธุรกิจมีเงินสดอยู่ในธุรกิจได้นานขึ้นและหมุนเงินได้คล่องตัว
- หลีกเลี่ยงลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ หากจำเป็นต้องจ่าย อาจใช้วิธีแบ่งจ่าย เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง
ธุรกิจออนไลน์ จัดการเงินให้คล่องตัว ด้วยวิธีไหน?
ธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกว่า SME และกลุ่มนี้มักจะดำเนินการในรูปแบบ “บุคคลธรรมดา” ซึ่งหลายคนก็มองข้ามการทำบัญชีอย่างถูกต้อง ดังนั้น การจัดการเงินของธุรกิจออนไลน์ อาจมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่างจากธุรกิจ SME ที่เป็นนิติบุคคล
แต่การบริหารเงินในยุควิกฤต โดยหลักๆ จะมีความคล้ายกัน นั่นคือ รับเงินให้ไว และจ่ายออกไปให้ช้าที่สุด
- สำหรับธุรกิจออนไลน์ที่ไม่ได้มีการทำบัญชีอย่างชัดเจน สิ่งสำคัญในเวลานี้ คือ การจดบันทึก ทั้งรายรับและรายจ่ายอย่างละเอียด และการทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็น Mobile Application หรือ Internet Banking ก็จะช่วยให้มีข้อมูลการเงินของธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น
และสามารถนำเอาข้อมูลนี้มาประมาณการรายได้ในอนาคตได้เช่นกัน
- ควบคุมค่าใช้จ่าย ไม่ควรสต็อกสินค้ามากเกินไป แม้ตอนนี้ธุรกิจออนไลน์จะมีโอกาสมากกว่าธุรกิจออฟไลน์ แต่การแข่งขันที่สูงและความกังวลของผู้บริโภค อาจทำให้ชะลอการใช้จ่ายลง รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้เงินสดซื้อสินค้าเพื่อแลกกับส่วนลด เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องได้
เนื่องจากหมุนเงินไม่ทัน
- จัดการค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับธุรกิจออนไลน์ภาระค่าใช้จ่ายหลักๆ อาจไม่ได้อยู่ที่พนักงาน แต่จะไปหนักที่ค่าโฆษณา เพราะการทำตลาดออนไลน์โดยไม่พึ่งพาโฆษณาเลยเป็นไปได้ยากมาก ฉะนั้นธุรกิจออนไลน์ ต้องวางแผนการใช้จ่ายค่าโฆษณาอย่างรัดกุม
บางคนใช้เงินจำนวนมาก แต่ไม่สร้างยอดขายกลับมา ก็ต้องพิจารณาลดค่าโฆษณาลง หรือหาช่องทางอื่นในการเพิ่มยอดขาย
เงินทุนทางเลือก ช่วยเสริมสภาพคล่องได้
การมองหา “เงินทุนทางเลือก” ที่จะเอาไว้เป็นแหล่งเติมเงินสด หรือช่วยในการเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจ เป็นอีกสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ในยามนี้
ใบแจ้งหนี้ (Invoice) เอกสารสำคัญที่เกือบทุกธุรกิจต้องมี และถือเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของกิจการที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที ด้วยการนำใบแจ้งหนี้มาขอสินเชื่อ Factoring กับธนาคาร ก็จะได้รับเงินสดไปใช้สำหรับหมุนเวียนในธุรกิจ
โดยไม่ต้องรอครบตามระยะเวลาเครดิตเทอม
รถยนต์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องได้ หากไม่นับสินเชื่อประเภทจำนำทะเบียน ที่อาจเหมาะสำหรับบุคคลธรรมดาหรือผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการได้เงินสดไวแล้ว ยังมีสินเชื่ออีกประเภทที่เรียกว่า
การเช่าแบบลีสซิ่ง (Financial Lease) ซึ่งผู้ประกอบการไม่ต้องจ่ายเงินก้อนในการซื้อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญา ที่สำคัญสามารถนำค่างวดรถไปหักภาษีได้สูงสุด 36,000 บาทต่อเดือน เป็นการช่วยธุรกิจลดค่าใช้จ่ายลง ทำให้สภาพคล่องเหลือเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ไอเดียใหม่ หรือนวัตกรรม สามารถเปลี่ยนเป็นเงินทุนให้ธุรกิจได้ ในรูปแบบ Crowdfunding หรือ การระดมทุนจากคนจำนวนมากที่ไม่ใช่สถาบันทางการเงิน ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจรายเล็ก หรือ Startup ที่ใช้วิธีนี้เข้าถึงเงินทุน
นอกจาก Crowdfunding แล้ว ยังมีนักลงทุนอิสระ (Angel Investor) ที่จะมองหาธุรกิจที่มีไอเดียน่าสนใจเพื่อเข้าไปลงทุนด้วยเช่นกัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของเงินทุนทางเลือก ที่จะช่วยทำให้ธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงเงินทุนในรูปแบบต่างๆ ได้มากขึ้น แต่การจะเลือกใช้เงินทุนประเภทไหน ควรศึกษารายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้