การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอาจมีปัจจัยหลายอย่างให้ต้องคำนึงถึง ซึ่งบางครั้งก็ต้องมีเครื่องมือช่วยให้เดินไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างเช่นทุกวันนี้ คนที่จะชนะและอยู่รอดได้ต้องรู้จักที่จะขายตัวเองให้เป็น เพื่อนำพาตัวเองไปสู่โอกาสที่ดีกว่าเสมอ ซึ่งปัจจุบันก็มีเครื่องมือการตลาดใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเร็วขึ้น อย่างเช่นการทำ Personal branding คือการสร้างแบรนด์อีกวิธีหนึ่ง แต่เป็นการสร้างแบรนด์ด้วยตัวบุคคล เพราะการสร้างแบรนด์หรือการสร้างจุดขายไม่ได้มีแค่กับตัวสินค้าหรือองค์กรเท่านั้น ในปัจจุบันจะเห็นว่าเจ้าของธุรกิจหลายๆ คนทำหน้าที่เป็น Brand ambassador ให้กับธุรกิจหรือแบรนด์สินค้าของตัวเอง เมื่อผู้บริโภคเห็นคนๆ นี้ปุ๊บก็รู้ได้ทันทีว่าคือแบรนด์สินค้าไหน โดยขั้นตอนการสร้าง Personal branding สามารถทำได้ดังนี้
1. ต้องการให้คนจดจำเราแบบไหน การสร้าง Personal branding ให้ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการควรเริ่มจากการถามตัวเองก่อนว่า ต้องการให้คนจดจำเราในแบบไหน แล้วเชื่อมโยงตัวเองให้เข้ากับแบรนด์สินค้า และหาช่องทางในการสื่อสารไปให้ถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ซึ่งหากผู้ประกอบการเริ่มทำธุรกิจจากสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็จะทำ Personal branding ได้ง่ายกว่าเพราะเป็นตัวตนของตัวเองอยู่แล้ว แต่หากผู้ประกอบการต้องมาบริหารหรือรับช่วงธุรกิจที่มีความแตกต่างกับภาพลักษณ์ของตัวเองอย่างสิ้นเชิง ในกรณีนี้อาจต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยให้คำแนะนำปรับบุคลิกภาพเพิ่มเติม
2. ศึกษาบุคลิกของแบรนด์ เพราะทุกองค์กร หรือทุกแบรนด์ล้วนต้องมี DNA อยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องศึกษาบุคลิกของแบรนด์ที่เราจะเอาตัวเองไปผูกด้วย ลองคิดง่ายๆ ว่าตอนที่ธุรกิจเริ่มต้นสร้างแบรนด์สินค้า ก็จะเปรียบแบรนด์เป็นเหมือนคนๆ หนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งต้องมีการกำหนดว่าคนๆ นี้จะต้องมีบุคลิกลักษณะแบบไหน มีสไตล์การพูด หรือท่าทางการเคลื่อนไหวยังไง แต่งตัวแบบไหน ทั้งหมดนี้อาจถูกถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น สีที่ใช้ในองค์กร โลโก้ที่สื่อออกมา หรือแม้แต่สโลแกนที่บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงสามารถนำบางอย่างมาปรับให้เหมาะกับตัวเอง เช่น การแต่งตัว ซึ่งยังคงความเป็นสไตล์ที่ตัวเองชอบ แต่เลือกใช้เฉดสีที่เป็นซิกเนเจอร์ขององค์กร หรือถ้าสโลแกนของแบรนด์คือความรวดเร็ว ฉับไว เราก็ต้องปรับตัวเองให้มีความคล่องตัว และทันสมัยต่อเหตุการณ์ เป็นต้น
3. สร้างจุดขายให้โดดเด่นและจำง่าย การทำให้ตัวเองดูดี กับการสร้างแบรนด์ให้กับตัวเองนั้นแตกต่างกันมาก เพราะการทำให้ตัวเองดูดีอาจไม่ต้องลงลึกในรายละเอียด แค่ดูให้เหมาะสมกับกาลเทศะ หน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ แล้วปรับเรื่องการแต่งตัว การพูด บุคลิกท่าทาง เพื่อทำให้ตัวเองดูดีในแบบของเรา แต่การทำ Personal branding จะต้องดูมากกว่านั้น คือนอกจากทำตัวเองให้ดูดีแล้ว ยังต้องสร้างความแตกต่าง โดดเด่น และจดจำง่าย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำ Personal branding สามารถทำได้โดยการปรับบุคลิกภาพอย่างมีเป้าหมายคือ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจ หรือแบรนด์ เพราะคำว่า Personal branding ก็คือการทำให้ตัวเองมีจุดขาย
การผูกตัวเองให้เข้ากับแบรนด์สินค้า ทำให้ผู้ประกอบการมีความคล่องตัวในการสร้างประสบการณ์ และความผูกพันกับผู้บริโภคได้ดีกว่า ทำให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ได้สูงกว่า เมื่อเทียบกับการแยกระหว่างแบรนด์สินค้า กับตัวเจ้าของธุรกิจออกจากกันอย่างชัดเจน เพราะแม้แบรนด์สินค้าจะมีการกำหนดบุคลิกตัวตนให้เหมือนเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่การสื่อสาร และการถ่ายทอดความรู้สึกยังคงต้องผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่สามารถกระทำผ่านบุคคลได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้เองธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการบริหารงานผ่านมืออาชีพจึงต้องมี Brand ambassador มาเป็นตัวช่วยเสริมอีกทีหนึ่ง