หากกล่าวถึงอุตสาหกรรมทำความเย็นแล้ว ประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และบริษัทที่เริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ คนทำงานเพียงไม่กี่คน ใช้ทุนรอนของตนเอง มีกำไรก็ค่อยๆ ขยายจนเติบใหญ่ ภายใต้การบริหารงานของ อภิชัย ล้ำเลิศพงศ์พนา คือ กลุ่มบริษัท ไอ.ที.ซี. ที่วันนี้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำแถวหน้าด้านเทคโนโลยีการทำความเย็น โดยมีบริษัทในเครือถึง 4 บริษัท ที่พร้อมตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มห้องเย็นและถนอมอาหาร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
35 ปีแห่งความเชี่ยวชาญด้านความเย็น
ในอดีตอภิชัยเคยทำงานด้านแอร์คอนดิชั่นมาก่อน ซึ่งเขามองว่าเป็นศาสตร์ตัวเดียวกับการถนอมอาหาร อีกทั้งการได้เรียนรู้งานจากองค์กรห้องเย็นและองค์การสะพานปลา ก็ทำให้เห็นความต้องการ และเห็นโอกาสของอุตสาหกรรมการถนอมอาหารชัดเจนยิ่งขึ้น เขาจึงเริ่มต้นธุรกิจด้วยการออกแบบและพัฒนาระบบทำความเย็นขึ้นมาเป็นของตนเอง กว่า 35 ปีแห่งความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบเครื่องทำความเย็น ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ตัวคุณอภิชัยเองไม่หยุดนิ่ง เสาะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งส่งบุคลากรไปศึกษาอบรมในต่างประเทศด้วย จึงทำให้กลุ่มบริษัท ไอ.ที.ซี. สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สร้างความต่างด้วย 3 กลยุทธ์เด็ด
1. กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ที่เน้นนวัตกรรม ขายความแตกต่าง เช่น ห้องเย็นของอภิชัยสามารถทำเงินได้มากกว่าที่อื่น เพราะย้ายคอยล์แอร์ไปอยู่ข้างนอก ทำให้พื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น สะดวกต่อการบำรุงรักษา ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน ทุกอย่างต้องคิดอย่างเป็นระบบเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ด้วย 4 Win... Win 1 คือลูกค้า Win 2 คือบริษัท Win 3 คือพนักงานทั้งสองฝ่าย เช่น ต้องซ่อมบำรุงง่าย สุดท้าย 4 สังคมสิ่งแวดล้อม ต้อง Win ด้วย
2. กลยุทธ์การตลาด คุณอภิชัยต้องการต้องทำให้ ไอ.ซี.ที. มีที่ยืนในตลาด เพราะรู้ดีว่าลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เฉพาะถิ่นมีความต้องการที่แตกต่างกัน เขาจึงกำหนด EPC : Engineering Procurement and Construction ซึ่งเป็นงานที่ ไอ.ซี.ที. สามารถทำได้ เช่น ออกแบบ ติดตั้ง บริการ โดยคาดหวังว่าจะมีสักงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เช่น ลูกค้าที่ประเทศจีน ทาง ไอ.ซี.ที. จะไม่สามารถแข่งขันด้านแรงงาน เครื่องจักรและกฏหมายได้ สิ่งที่แข่งได้คือ ความรู้เรื่องการทำความเย็นและเรื่องครัวของโลก ซึ่งเมืองไทยเป็นอันดับ 1 อภิชัยก็นำความรู้ไปออกแบบคอนเซ็ปต์ดีไซน์ขายลูกค้ากลุ่มนี้ หรือโรงกลั่นน้ำมันปิโตรนาส ไอ.ซี.ที. ก็ดูแลเรื่องเซอร์วิสให้เป็นหลัก หรือบางตลาดที่เป็น EPC ไม่ได้ ก็ต้องหาเอาต์ซอร์ซให้ท้องถิ่นทำงานแทน เป็นต้น
3. กลยุทธ์หลังการขาย ธุรกิจทำความเย็นต่างจากธุรกิจอื่น เพราะสินค้าแช่แข็งรอเวลานานไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงเงินที่ลูกค้าต้องสูญเสียไป ไอ.ซี.ที. จึงการันตีลูกค้าว่าภายใน 4 ชั่วโมงจะจัดส่งสินค้าถึงที่หมายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หากเป็นต่างจังหวัดก็บวกระยะเวลาเดินทางเข้าไปอีก นอกจากนี้ยังมี ไอ.ซี.ที.ลิงค์ ที่มาช่วยตอบโจทย์เรื่องเวลา โดยเป็นเจ้าเดียวที่สามารถใช้โปรแกรมคุยกับเครี่องจักรของลูกค้าได้ ทำให้รู้ว่าเครื่องจักรมีสถานะอย่างไร ทุกอย่างจึงสามารถคอนโทรลได้ด้วยระบบทั้งหมด ซึ่งสามารถประสางานกับช่างของลูกค้าเพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้
2 รางวัลการันตีคุณภาพ
ด้วยการคิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างแตกต่าง มีการสร้างความสมดุลในงาน ทั้งด้านคุณภาพ ปริมาณ เวลา และต้นทุน บนพื้นฐานองค์ความรู้ที่มี รวมทั้งการทำธุรกิจอย่างจริงใจ มีธรรมาภิบาล และซื่อตรงต่อลูกค้า รวมทั้งคำนึงถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทำให้ไอ.ที.ซี.คว้า 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล SMEs Excellence Award 2017 ประเภท Platinum Award ในฐานะองค์กรที่มีการบริหารจัดการเป็นเลิศด้านธุรกิจการผลิตที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ โดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นด้านผู้บริโภคจากสถาบันป๋วย อึ้งภากรณ์
ปัจจุบันลูกค้าของไอ.ที.ซี. มีสัดส่วนในประเทศ 90% ต่างประเทศ 10% ส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบอาเซียน เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ ขณะที่ลูกค้าในประเทศก็เป็นบริษัทเครือยักษ์ใหญ่ เช่น ซีพี เบทาโกร เป็นต้น อภิชัยทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้หมดยุคทำธุรกิจให้ได้กำไรดี ยุคนี้ต้อง ‘ทำดี’ ให้ได้กำไร ทำอะไรก็ได้ ขอแค่มีความดี ธุรกิจถึงจะมั่งคั่งและยั่งยืน