27/5/2559

เลือกทางใช่ กำไรชัด

​      “เราเริ่มมาจากธุรกิจแบบกงสี เลยอยากทำบัญชีให้โปร่งใส ไม่ว่าใครก็สามารถตรวจสอบได้ เพราะเราเคารพผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้มาบริหารงาน ดังนั้นเพื่อความชัดเจนในการบริหารจัดการ เราจึงทำบัญชีภาษีเล่มเดียวมาตั้งแต่แรก ทำธุรกิจมา 18 ปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการทุจริตเลย”

       จากแนวคิดนี้เองทำให้คุณสมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องเทศรายใหญ่ระดับประเทศ สามารถบริหารงานได้อย่างเฉียบขาด เพราะการทำบัญชีรายรับรายจ่ายของธุรกิจเพียงเล่มเดียว นอกจากจะโปร่งใสป้องกันการทุจริตแล้ว ยังทำให้เขารู้ต้นทุนและกำไรที่แน่นอนในระดับหน่วยของสินค้า จึงตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะว่าตัวเลขนั้นไม่หลอกใคร เช่น สินค้าตัวไหนทำกำไรมาก ก็ผลิตมาก สินค้าตัวไหนทำกำไรน้อย ก็ผลิตน้อย นอกจากนี้เขายังมีคนช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่ต้องคิดเองทำเองคนเดียว เพราะทุกคนตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงระดับบริหาร ต่างก็ดูบัญชีเล่มเดียวกัน ข้อมูลเดียวกัน ทุกคนรับรู้ข้อมูลเท่ากันหมด ไม่มีความลับต่อกัน จึงมีคนช่วยคิดช่วยระวังอีกทอดหนึ่ง ซึ่งคุณสมิตมองว่านี่แหละ คือการทำงานเป็นทีมเดียวกันอย่างแท้จริง

       หากเปรียบการมี 1 คนบริหารหลายบัญชี กับการมี 1 บัญชีแล้วช่วยกันบริหารหลายคน ย่อมเห็นได้ชัดว่าแบบไหนจะทำให้การบริหารธุรกิจมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ซึ่งเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีอาจมองว่าการทำบัญชี 2 เล่มจะทำให้ธุรกิจเสียภาษีน้อย แต่รู้หรือไม่ว่าคุณกำลังสูญเสียโอกาสที่จะเติบโตก้าวหน้าในระยะยาว เพราะคุณทำธุรกิจแล้วไม่เห็นภาพกำไรหรือขาดทุน ธุรกิจจะโตต่อไปได้อย่างไร สิ่งที่เจ้าของธุรกิจทำใจยากที่สุดคือวันที่ต้องเขียนเช็คจ่ายภาษีจำนวนมาก แต่ถ้าเรามีการวางแผนใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เหมาะสมแล้ว จะช่วยประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายไปได้มาก

       คุณสมิตเป็นตัวอย่างเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีที่มองการณ์ไกล ซึ่งนอกจากการทำบัญชีรายรับรายจ่ายของธุรกิจเพียงเล่มเดียวตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว คุณสมิตยังรู้จักใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจอีกด้วย คุณสมิตกล่าวว่า "เราควรเอากำไรที่ได้ไปลงทุนเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ก่อนที่จะเอากำไรนั้นไปเสียภาษี" จากแนวคิดนี้ของคุณสมิต จึงทำให้นิธิฟู้ดส์มีการลงทุนในเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การฝึกอบรมพนักงาน และค่าใช้จ่ายในการทำตลาด เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพราะคุณสมิตรู้ดีว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ นอกจากจะเพิ่มศักยภาพให้กับองค์กรแล้ว ยังเป็นการลงทุนที่ประหยัดภาษีได้อีกด้วย

       นอกจากนี้ยังมีค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินที่ใช้ในกิจการ ดอกเบี้ยสินเชื่อธุรกิจ เงินบริจาค และอื่นๆ อีกหลายรายการ ที่นำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งธุรกิจเอสเอ็มอีควรศึกษาเงื่อนไข และขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ โดยตรงจากกรมสรรพากร ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าสิ่งที่ทำให้เอสเอ็มอีเสียภาษีน้อยลง ไม่ได้อยู่ที่การมีหลายบัญชี แต่อยู่ที่การวางแผนภาษีอย่างฉลาดนั่นเอง

       ผลพวงจากความเชื่อมั่นว่า การมีพื้นฐานที่ถูกต้องจะทำให้กิจการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนนี่เอง ที่ทำให้ปัจจุบันนิธิฟู้ดส์เติบใหญ่เป็นธุรกิจที่มีพนักงานกว่า 100 คน กำลังสยายปีกเข้าสู่ตลาด AEC และวางแผนก้าวสู่ตลาดโลกในอนาคต