27/1/2560

CEO อายุน้อย สร้างนวัตกรรมทำเงินล้าน


     ปิ่นกมล เรืองเดช หรือริชชี่ ชื่อของเด็กหนุ่มอายุเพียง 18 ปี นักธุรกิจรุ่นใหม่ เจ้าของรางวัล CEO อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ริชชี่มีความเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่ 3 ขวบ ด้วยการช่วยคุณพ่อเล่นหุ้น แม้จะไม่มีความรู้ในเรื่องหุ้น แต่ด้วยความเป็นเด็กช่างสังเกตว่า หุ้นตัวไหนเขียว หุ้นตัวไหนแดง ก็จะบอกให้คุณพ่อซื้อ ซึ่งหุ้นเกือบทุกตัวที่ริชชี่แนะนำ ทำเงินได้ในทุกครั้ง ความเป็นเด็กมีหัวการค้าของริชชี่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะในช่วงเรียนประถมศึกษา ริชชี่ก็รับจ้างสอนการบ้านเพื่อน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือน พอเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษา ด้วยความชอบศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์ และมีความคิดว่าทำไมต้องให้จบแค่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่มองว่าสิ่งที่ได้ทดลองในห้องเรียนควรจะออกมาสร้างประโยชน์สู่สังคมภายนอกบ้าง จึงคิดทำวัสดุทดแทนไม้ผลิตจากกากเบียร์ ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการนำนวัตกรรมมาช่วยเพิ่มมูลค่า โดยกากเบียร์ที่ใช้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผู้ที่นำไปใช้เป็นส่วนประกอบของบ้าน มีใบหน้าอ่อนลงได้ ลบริ้วรอย นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

     วัสดุทดแทนไม้จากกากเบียร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นทำการธุรกิจของริชชี่ เพราะหลังจากนั้นเขาได้คิดค้นธุรกิจขึ้นมาอีกหลายอย่าง โดยทุกอย่างล้วนเกิดมาจากปัญหาที่เห็นในชีวิตประจำวัน เพราะเมื่อเจอปัญหาก็ทำให้คิดว่าถ้าหาทางแก้ไขได้ จะช่วยให้คนหลายๆคนมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันได้เปิดบริษัทขึ้นอีก 6 บริษัท ทั้งที่เป็นบริษัทของตัวเองและร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติที่สนใจ ทุกบริษัทตั้งขึ้นเพื่อผลิตและจำหน่ายสินค้านวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและช่วยแก้ปัญหาให้กับคนหลายๆคน อาทิ ทำแบตเตอรี่สำรองไร้สายสำหรับมือถือ บ้าน และโดรน ที่มีคุณสมบัติเบา บาง รวมทั้งยังสามารถชาร์ตไฟได้แม้อยู่ในระยะห่าง 3 – 6 เมตร  นอกจากนี้ยังทำวัสดุมุงหลังคาแบบเปลี่ยนสีได้ ที่ช่วยสะท้อนแสงแดด ทำให้บ้านเย็น ประหยัดพลังงาน รวมทั้งจำหน่ายและติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ รองรับรถที่ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนในอนาคต เป็นต้น โดยสินค้าทั้งหมดวางจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

     ด้วยอายุเพียง 18 ปี ทำให้ริชชี่วางเป้าหมายในอนาคตทางธุรกิจไว้ว่า จะยังคงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์สินค้าให้มีความหลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่นอกจากจะมีความสามารถแล้ว ยังมีความพยายาม มุ่งมั่น หาความชอบของตัวเองจนเจอ และเริ่มต้นทำได้ไวกว่าคนอื่น ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ริชชี่ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญริชชี่คิดเสมอว่าหากตัวเองได้คิดค้นนวัตกรรมต่างๆได้แล้ว ต้องต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

     แม้จะประสบความสำเร็จในเส้นทางธุรกิจ แต่ริชชี่ไม่ทิ้งการเรียน เพราะคิดว่าชีวิตคือการเรียนรู้ไม่สิ้นสุดอยู่แล้ว เขาตั้งเป้าหมายอยากเรียนต่อถึงระดับปริญญาเอก เพราะหากวันใดที่ต้องวางมือจากธุรกิจ ก็ยังคงมีความรู้ติดตัวไปใช้ประโยชน์ได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่าถือเป็นแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ที่คิดอยากทำธุรกิจและไม่ทิ้งการเรียน และยังเป็นตัวอย่างรวมถึงแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนที่คิดอยากทำธุรกิจ โดยควรเริ่มจากหาความชอบของตัวเองให้เจอ เมื่อหาเจอแล้ว  ให้รีบลงมือทำ อย่ากลัวการเริ่มต้น ที่สำคัญอย่าคิดว่าจะทำไม่ได้ หรือมัวแต่กลัวความผิดหวัง กลัวว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ หากอยากประสบความสำเร็จ ต้องเปลี่ยนความกลัวมาเป็นความกล้าที่จะเดินหน้าทำอย่างจริงจัง เพราะการลงมือทำเท่านั้นที่จะทำให้ฝันเป็นจริงเหมือนริชชี่ นักธุรกิจอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย