ทางเลือกในการขอสินเชื่อจากธนาคารมีทั้งแบบคนมีหลักทรัพย์ค้ำประกันและแบบคนไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งหลายคนมักเลือกกู้เงินแบบคนไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป เช่น
- ไม่มีหลักทรัพย์ที่สามารถนำมาค้ำประกันได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้เป็นสาเหตุหลักๆ
ของคนส่วนใหญ่ที่ขอสินเชื่อในรูปแบบนี้ นอกจากการไม่หลักทรัพย์มาค้ำประกัน เหตุผลอีกมุม คือ
หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา ก็จะไม่มีหลักทรัพย์ให้ยึดทรัพย์หรือบังคับคดีได้
- ได้รับเงินเร็ว* หากสมัครใช้บริการผ่านธนาคารทางมือถือ หรือ K PLUS สามารถรู้คำตอบว่า “อนุมัติ” หรือ “ปฎิเสธ”
ได้ภายในเวลา 15 นาที* แต่หากขอสินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ประเภทบ้านมาค้ำประกัน ต้องใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3-4 สัปดาห์
เพราะต้องมีขั้นตอนการประเมินราคาหลักทรัพย์ จากนั้นมีขั้นตอนไปจำนองบ้าน ณ สำนักงานที่ดิน
- ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม* การขอสินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
จะมีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าอากรสแตมป์สำหรับติดสัญญาเป็นหลัก แต่หากใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น
ถ้าใช้บ้านมาค้ำประกันจะมีค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาทรัพย์สิน
ค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง เช่น กู้ 1,000,000 บาท ต้องเสียค่าจำนอง 10,000 บาท และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยบ้าน
หากใช้รถมาค้ำประกัน
จะมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียมโอนรถยนต์ และค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (ชั้น 1,2+,2)
สำหรับคนที่ขอสินเชื่อโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น รถหรือบ้าน แต่กำลังตัดสินใจว่าจะนำมาค้ำประกันดีหรือไม่ ดังนั้น จึงอยากชวนคนที่กำลังคิดจะขอสินเชื่อโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันว่ามีข้อดีอะไรบ้าง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น
- เสียดอกเบี้ยถูก สำหรับสินเชื่อบ้านช่วยได้เสียดอกเบี้ยต่ำที่สุด
คือ MRR+2 (9.05%) หรือ MRR+3 (10.05%) รองลงมาเป็นสินเชื่อรถช่วยได้แบบจำนำทะเบียนอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง
11.50% ถึง14.50% และสินเชื่อเงินด่วนเสียดอกเบี้ยสูงที่สุด ตั้งแต่ 17% ถึง 25% เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบการกู้เงินทั้ง 3 แบบดังกล่าวข้างต้น โดยขอกู้เงิน จำนวน 1,000,000 บาท ระยะเวลา 5 ปี หรือ 60
งวด รายละเอียดตามตารางด้านล่าง
งวด |
สินเชื่อบ้านช่วยได้ |
ดอกเบี้ย |
ยอดผ่อน |
คงเหลือ |
อัตราดอกเบี้ย |
0 |
ยอดกู้ |
1,000,000 |
1,000,000 |
9.05% |
1 |
7,438 |
20,800 |
986,638 |
9.05% |
2 |
7,339 |
20,800 |
973,177 |
9.05% |
3 |
7,239 |
20,800 |
959,616 |
9.05% |
4 |
7,138 |
20,800 |
945,954 |
9.05% |
5 |
7,036 |
20,800 |
932,190 |
9.05% |
56 |
715 |
20,800 |
76,010 |
9.05% |
57 |
565 |
20,800 |
55,775 |
9.05% |
58 |
415 |
20,800 |
35,390 |
9.05% |
59 |
263 |
20,800 |
14,853 |
9.05% |
60 |
110 |
14,964 |
- |
9.05% |
ดอกเบี้ยจ่าย |
242,164 |
|
กดที่รูปเพื่อขยายตาราง
งวด |
สินเชื่อรถช่วยได้ |
ดอกเบี้ย |
ยอดผ่อน |
คงเหลือ |
อัตราดอกเบี้ย |
0 |
ยอดกู้ |
1,000,000 |
1,000,000 |
12.50% |
1 |
10,274 |
22,600 |
987,674 |
12.50% |
2 |
10,147 |
22,600 |
975,221 |
12.50% |
3 |
10,019 |
22,600 |
962,640 |
12.50% |
4 |
9,890 |
22,600 |
949,930 |
12.50% |
5 |
9,760 |
22,600 |
937,090 |
12.50% |
56 |
974 |
22,600 |
73,172 |
12.50% |
57 |
752 |
22,600 |
51,324 |
12.50% |
58 |
527 |
22,600 |
29,251 |
12.50% |
59 |
301 |
22,600 |
6,951 |
12.50% |
60 |
71 |
7,023 |
- |
12.50% |
ดอกเบี้ยจ่าย |
340,423 |
|
กดที่รูปเพื่อขยายตาราง
งวด |
สินเชื่อเงินด่วน Express Loan |
ดอกเบี้ย |
ยอดผ่อน |
คงเหลือ |
อัตราดอกเบี้ย |
0 |
ยอดกู้ |
1,000,000 |
1,000,000 |
22% |
1 |
18,082 |
27,700 |
990,382 |
22% |
2 |
17,908 |
27,700 |
980,590 |
22% |
3 |
17,731 |
27,700 |
970,621 |
22% |
4 |
17,551 |
27,700 |
960,472 |
22% |
5 |
17,367 |
27,700 |
950,139 |
22% |
56 |
1,929 |
27,700 |
80,905 |
22% |
57 |
1,463 |
27,700 |
54,668 |
22% |
58 |
989 |
27,700 |
27,956 |
22% |
59 |
506 |
27,700 |
762 |
22% |
60 |
14 |
776 |
- |
22% |
ดอกเบี้ยจ่าย |
653,076 |
|
กดที่รูปเพื่อขยายตาราง
หมายเหตุ เป็นการคำนวณแบบปัดเศษสตางค์ และยกตัวอย่างให้ดูบางช่วงเวลา
จากตาราง พบว่า หากผู้ขอสินเชื่อบ้านช่วยได้ เสียดอกเบี้ยรวม 242,164 บาท ถ้าขอสินเชื่อรถช่วยได้ เสียดอกเบี้ยรวม 340,423 บาท และถ้าขอสินเชื่อเงินด่วน เสียดอกเบี้ยรวม 635,076 บาท หากพิจารณาจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ต้องเสียจะเห็นว่าสินเชื่อบ้านช่วยได้เสียดอกเบี้ยน้อยกว่าสินเชื่อเงินด่วน 392,912 บาท ซึ่งเป็นส่วนต่างดอกเบี้ยที่ต่างกันมาก
- ได้วงเงินกู้สูง ธนาคารดูจากราคาประเมินหลักทรัพย์และความสามารถในการผ่อนชำระหนี้เป็นหลัก โดยสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรถช่วยได้ไม่ได้กำหนดวงเงินกู้สูงสุดไว้ หากเป็นสินเชื่อบ้านช่วยได้กำหนดวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นสินเชื่อเงินด่วนกำหนดวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาท โดยดูจากความสามารถชำระหนี้เพียงอย่างเดียว
- ผ่อนได้นานและยอดผ่อนต่อเดือนต่ำ หากเป็นสินเชื่อบ้านช่วยได้ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี ส่วนสินเชื่อรถช่วยได้ผ่อนได้นานสูงสุด 6 ปี ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง ไม่เป็นภาระที่หนักเกินไป ซึ่งต่างจากการขอสินเชื่อเงินด่วนผ่อนได้สูงสุดเพียง 5 ปี สำหรับเงินกู้ทุกประเภท เมื่อผ่อนไปได้สักระยะแล้วมีเงินเหลือเพียงพอ สามารถผ่อนเพิ่มหรือโปะได้ตลอดระยะเวลาที่กู้ เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้ และทำให้หมดหนี้เร็วขึ้น
ข้อควรรู้ : สินเชื่อบ้านช่วยได้ สามารถใช้หลักทรัพย์ของบุคคลในครอบครัวได้ เช่น พ่อ แม่ บุตร คู่สมรสได้ทั้งจดทะเบียนสมรสหรือไม่จดทะเบียนสมรส โดยดูจากเอกสารทางราชการเป็นหลัก เช่น ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ใบสูติบัตร (ใบเกิด) หรือถ้าเป็นการสมรสไม่จดทะเบียน ดูจากการ์ดเชิญงานแต่งงาน รูปถ่ายงานแต่งงาน เป็นต้น
ผู้ขอสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ปลอดภาระไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือเป็นของบุคคลในครอบครัว แนะนำให้นำมาใช้ค้ำประกันการขอสินเชื่อ ข้อดีคือทำให้เสียดอกเบี้ยถูกกว่าและได้วงเงินกู้ที่สูงกว่าการขอสินเชื่อที่ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันช่วยให้ลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้ง สามารถผ่อนได้นานถึง 30 ปี ทำให้มียอดผ่อนต่อเดือนต่ำไม่เป็นภาระที่หนักจนเกินไป หากกู้ไปสักระยะมีเงินเหลือเพียงพอสามารถผ่อนเพิ่มหรือโปะได้ตลอดเวลา หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ LINE @kbanklive หรือ K-Contact Center 02-8888888 กด 8 กด 1 กด 4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสอบถามผ่านสาขาของธนาคารที่สะดวกได้เช่นกัน
* โปรดตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขทุกครั้งก่อนสมัครใช้บริการ