จากข้อมูลปี 2564 ของทุกบริษัทประกันภัย พบว่ากรมธรรม์ประกันรถภาคสมัครใจ มีจำนวนคิดเป็น 33%ของประกันรถภาคบังคับ (พ.ร.บ. รถยนต์) ในขณะที่ค่าสินไหมทดแทนจากประกันรถภาคสมัครใจคิดเป็น 6 เท่าของประกันรถภาคบังคับ แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้รถยนต์ เงินชดเชยส่วนใหญ่มักมาจากประกันรถภาคสมัครใจ
การทำประกันรถภาคสมัครใจจึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่จะกระทบเงินในกระเป๋าหากมีการขับรถเฉี่ยวชน ซึ่งความเสียหายอาจไม่ได้เกิดเฉพาะกับรถยนต์ แต่รวมไปถึงตนเองและบุคคลอื่นที่เราไปทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตด้วย
ประกันรถแต่ละประเภท คุ้มครองต่างกันอย่างไร?
ความคุ้มครอง
|
ประกันภัยรถยนต์
|
ประเภท 1
|
ประเภท 2+
| ประเภท 2
| ประเภท 3+
|
ประเภท 3 |
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก |
ชีวิตและร่างกาย
| Y 5 แสน – 1 ล้านบาท
| Y 5 แสน – 1 ล้านบาท
| Y ~5 แสนบาท
| Y 5 แสน – 1 ล้านบาท
| Y ~5 แสนบาท
|
ทรัพย์สิน
| Y 2.5 – 5 ล้านบาท
| Y 5 แสน – 1.5 ล้านบาท
| Y ~1 ล้านบาท
| Y 5 แสน – 1.5 ล้านบาท
| Y 6 แสน - 1 ล้านบาท
|
บุคคลภายในรถที่เอาประกัน
|
อุบัติเหตุส่วนบุคคล
| Y 1-3 แสนบาท
| Y 5 หมื่น - 2 แสนบาท
| Y ~5 หมื่นบาท
| Y 5 หมื่น - 1 แสนบาท
| Y 5 หมื่น - 1 แสนบาท
|
ค่ารักษาพยาบาล
| Y 1-3 แสนบาท
| Y 5 หมื่น – 2 แสนบาท
| Y ~5 หมื่นบาท
| Y 5 หมื่น – 1 แสนบาท
| Y 5 หมื่น - 1 แสนบาท
|
การประกันตัวผู้ขับขี่
| Y 1-3 แสนบาท
| Y 2-2.5 แสนบาท
| Y 5 หมื่น – 2 แสนบาท
| Y 2-2.5 แสนบาท
| Y 1- 3 แสนบาท
|
รถยนต์ที่เอาประกัน
| เฉี่ยวชน / ความเสียหายอื่น
| Y ตามทุนประกัน
| Y* ตามทุนประกัน
|
| Y* ตามทุนประกัน
|
|
สูญหาย / ไฟไหม้
| Y
| Y
| Y
| | |
| ตามทุนประกัน
| ตามทุนประกัน
| ตามทุนประกัน
| | |
* คุ้มครองเฉพาะกรณี ชนกับยานพาหนะทางบกและมีคู่กรณี
จากตารางพบว่าประกันรถ ประเภท 1 เป็นประกันที่มีความคุ้มครองครอบคลุมทั้งความหลากหลายและวงเงิน จึงมักเป็นทางเลือกแรกๆ สำหรับผู้มีรถยนต์ โดยเฉพาะรถที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี เพราะหากเกิดเหตุอะไรขึ้นก็เชื่อว่าแค่เรียกบริษัทประกันมา ปัญหาแทบทุกอย่างน่าจะจบลงได้ไม่ยาก และไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าเสียหายเพิ่มอีก
อย่างไรก็ตาม แม้เป็นประกันรถประเภท 1 เหมือนกัน แต่หากต่างบริษัทหรือต่างช่องทาง รายละเอียดความคุ้มครองหรือค่าเบี้ยประกันก็อาจต่างกันได้ การเลือกซื้อประกันรถแต่ละที จึงมีสิ่งที่ต้องพิจารณามากกว่าแค่ประเภทประกัน อีกทั้งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าก็เริ่มได้รับความนิยมและถูกนำออกมาขับขี่กันมากขึ้น บริษัทประกันบางแห่งก็มีการออกแบบประกันสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะทำให้รายละเอียดและค่าเบี้ย ของประกันรถต่างๆ มีความแตกต่างมากยิ่งขึ้นไปอีก
สิ่งที่ต้องเลือก มากกว่าแค่ประเภทประกัน
(1) เลือกจาก การใช้งาน
ประกันรถทั่วไปจะคุ้มครองภัยตลอดระยะเวลาที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ แต่สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไม่บ่อยนัก หรือในแต่ละวันมักใช้รถเป็นระยะทางสั้นๆ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่หลายคนอาจไม่จำเป็นต้องเดินทางออกไปนอกบ้านบ่อยนัก ประกอบกับเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถบันทึกข้อมูลการใช้รถในแต่ละวันทั้งระยะทางและระยะเวลา บริษัทประกันบางแห่งจึงมีแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองเหมือนประกันรถทั่วไป แต่มีค่าเบี้ยประกันที่ต่ำลงหรือมีการคืนค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป เช่น 15%-70%ของเบี้ยปกติ หากยอมรับเงื่อนไขการใช้รถไม่เกินระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด แต่หากช่วงไหนมีการใช้รถมากกว่าเกณฑ์ผู้ซื้อประกันก็ยังสามารถเติมเงินหรือชำระเบี้ยประกันเพิ่ม เพื่อให้ยังได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องสอดคล้องกับการใช้งานรถที่อาจมากขึ้นเกินที่คาดการณ์ไว้
(2) เลือกจาก บริษัทที่อุ่นใจ
ปัจจัยหนึ่งที่หลายคนใช้ในการเลือกประกันรถ คือ บริษัทประกันที่มีจำนวนอู่ที่เป็นคู่สัญญามากเพียงพอและมีอู่ใกล้บ้านที่สะดวกนำรถไปใช้บริการ โดยเฉพาะรถอายุเกิน 5 ปี ที่บางบริษัทรับประกันเฉพาะซ่อมอู่เท่านั้น ไม่รับซ่อมห้างฯ ที่เป็นศูนย์บริการรถของยี่ห้อนั้นๆ โดยจำนวนและที่ตั้งของอู่คู่สัญญานั้น นอกจากสอบถามจากบริษัทโดยตรงแล้ว ปัจจุบันยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ของนายหน้าประกันรถ ซึ่งมีอยู่หลายเว็บไซต์ให้เราสามารถเปรียบข้อมูลประกันของบริษัทต่างๆ ได้เองที่บ้าน
อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ความมั่นคงของบริษัทประกัน ยิ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ผู้ถือประกันรถบางแห่งอาจได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นคงทางการเงินของบริษัทประกัน ทำให้อู่คู่สัญญาไม่มั่นใจว่าจะได้รับเงินค่าซ่อมจากบริษัทประกันจนส่งผลต่อผู้ถือประกันที่จะไปซ่อมหรือใช้บริการ ซึ่งความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันนั้น สามารถพิจารณาได้จาก อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio : CAR) โดย CAR ยิ่งสูง บริษัทนั้นยิ่งมั่นคง ซึ่ง CAR ต้องไม่น้อยกว่าเกณฑ์ 140% โดยสามารถตรวจสอบ CAR ได้จากฐานะการเงินของแต่ละบริษัทประกัน ซึ่งเว็บไซต์ คปภ. ได้รวบรวมแหล่งข้อมูลนี้ไว้ให้แล้ว https://www.oic.or.th/th/consumer/reveal_nonlife?utm_source=magazine&utm_medium=hyperlink&utm_campaign=reveal_nonlife
(3) เลือกจาก ช่องทางการซื้อ
ที่ผ่านมาการซื้อประกันรถ หลายคนมักซื้อโดยตรงจากบริษัทประกันที่มีจุดบริการตามแหล่งชุมชน หรือซื้อผ่านธนาคารที่มีประกันรถของบางบริษัทประกันมาเสนอขายแก่ลูกค้า แต่ปัจจุบันมีนายหน้าประกันเกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งยังมีช่องทางออนไลน์ในการตรวจสอบและเปรียบเทียบ รายละเอียดและค่าเบี้ยประกันของบริษัทต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงสามารถต้ดสินใจซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที
ดังนั้นช่องการซื้อจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องเลือก เพราะด้วยประกันรถบริษัทเและแบบเดียวกัน ค่าเบี้ยที่ขายผ่านนายหน้าแต่ละเจ้ารวมถึงขายโดยบริษัทโดยตรงอาจต่างกัน อีกทั้งยังมีโปรโมชันหรือเงื่อนไขการชำระเบี้ยที่ต่างกันด้วย เช่น เลือกชำระและผ่อนผ่านบัตรเครดิตได้ ฯลฯ
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อประกันรถ แนะนำเริ่มจากหาข้อมูลแบบประกันรถหลายๆ แบบ จากนายหน้ารายใหญ่เพื่อหาแบบประกันที่เหมาะกับการใช้งานรถของตนเอง แล้วเลือกประกันของบริษัทที่อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ และนำค่าเบี้ยของแบบประกันที่ตรงใจนั้นไปเปรียบเทียบกับช่องทางอื่น เพื่อเลือกช่องทางที่ค่าเบี้ยต่ำที่สุด มีโปรโมชันหรือเงื่อนไขการชำระเบี้ยที่คุ้มค่าที่สุด