“
• กองทุนรวมดัชนีของกสิกรไทย 5 กองทุน ติด 10 อันดับแรกของกองทุนรวมในแต่ละประเทศ ที่ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุน Active Fund และ Index Fund ทุกบลจ. โดยนับเฉพาะกองทุนที่เปิดมาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
• ในระยะยาว กองทุน Index Fund หลายกองทุนสามารถทำผลตอบแทนใกล้เคียง หรือชนะกองทุน Active Fund ได้ รวมทั้งค่าธรรมเนียมของ Index Fund ที่ถูกกว่าทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
• เทคนิคการเลือกกองทุน Index Fund ที่ลงทุนเหมือนกัน คือเลือกกองทุนที่ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีหลักมากที่สุด ให้ผลตอบแทนเยอะที่สุด รวมทั้งเลือกกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมซื้อ ขาย บริหารจัดการ ต่ำที่สุด
“
หลายคนที่เคยอ่าน Fund Fact Sheet น่าจะเคยเห็นตารางผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนรวม เปรียบเทียบกับดัชนีชี้วัด จะมีทั้งกองทุนที่มีผลตอบแทนทั้งมากกว่าและน้อยกว่าดัชนีชี้วัด ทำให้หลายคนเกิดความสนใจลงทุนดัชนีชี้วัดเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของกองทุนรวมดัชนี หรือ Index Fund

TOP 10 กองทุนรวมประเภท Active Fund กับ Index Fund
ผลสำรวจข้อมูลจากเว็บไซต์ Morningstarthailand เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2022 พบว่ามีกองทุนรวมดัชนีของกสิกรไทยถึง 5 กองทุนรวมดัชนีของ บลจ.กสิกรไทย ติด 10 อันดับแรกของกองทุนรวมหุ้นรายประเทศ ซึ่งทำผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุน Active Fund และ Index Fund ทุกบลจ. โดยนับเฉพาะกองทุนที่เปิดมาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เท่านั้น มีรายชื่อกองทุนดังนี้
TOP 10 กองทุนรวมที่ลงทุนหุ้นจีน

TOP 10 กองทุนหุ้นที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น

TOP 10 กองทุนหุ้นที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ

TOP 10 กองทุนหุ้นที่ลงทุนในหุ้นอินเดีย

TOP 10 กองทุนหุ้นที่ลงทุนในหุ้นยุโรป

จากข้อมูลด้านบนเป็นการเปรียบเทียบอันดับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี กองทุน Index Fund ของกสิกรไทย กับกองทุนทุกบลจ.ทั้งที่เป็น Index Fund และ Active Fund ที่ติด 10 อันดับแรกกองทุนแต่ละประเทศ ซึ่งก็จะเห็นว่าภาพรวมกองทุน Index Fund ก็ทำผลงานได้ใกล้เคียงกับกองทุน Active Fund ที่มีผู้จัดการกองทุนมาคอยบริหาร แม้เป็นช่วงตลาดขาลงก็ตาม
TOP 5 กองทุน Index Fund แต่ละประเทศ แต่ละบลจ. ลงทุนอะไรบ้าง
ต้องเล่าต่อไปว่ากองทุน Index Fund ในแต่ละประเทศ ก็มีดัชนีให้ลงทุนหลากหลาย ผลตอบแทนของแต่ละดัชนีก็อาจแตกต่างกัน ดังนั้นเราจะพาไปดูว่า Top 5 กองทุนดัชนีของแต่ละประเทศ แต่ละบลจ. ลงทุนอะไรกันบ้าง
กองทุนดัชนีหุ้นจีน

กองทุนดัชนีหุ้นญี่ปุ่น

กองทุนดัชนีหุ้นสหรัฐฯ


กองทุนดัชนีหุ้นอินเดีย

กองทุนรวมดัชนีอินเดีย ที่มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป มีทั้งหมด 3 กองทุน แต่หากเปรียบเทียบผลตอบแทนของ K-INDX กับกองทุนรวมทั้งหมด ทั้ง Active Fund และ Index Fund จะพบว่า K-INDX ติดTOP 10 เฉพาะผลตอบแทนย้อนหลัง 5ปี จากทั้งหมด 29 กองทุน แต่ 3 ปี และ 1ปี ไม่ติดอันดับ ซึ่งกองทุนที่ติดอันดับช่วง 3 ปี และ 1 ปีส่วนใหญ่เป็นกองทุน Active Fund
กองทุนดัชนีหุ้นยุโรป

กองทุนรวมดัชนียุโรป ที่มีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป มีทั้งหมด 3 กองทุน แต่หากเปรียบเทียบผลตอบแทนของ K-EUX กับกองทุนรวมทั้งหมด ทั้ง Active Fund และ Index Fund จะพบว่า K-EUX ติดTOP 10 เฉพาะผลตอบแทนย้อนหลัง 5ปี กับ 1ปี จากทั้งหมด 44 กองทุน แต่หากดูผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี จะไม่ติดอันดับ ซึ่งกองทุนที่ติดอันดับช่วง 3 ปี ส่วนใหญ่เป็นกองทุน Active Fund
จากตารางข้อมูลก็จะเห็นว่าแต่ละประเทศก็มีดัชนีให้ลงทุนหลากหลาย จนหลายคนก็สงสัยว่าแล้วเอาจริงๆควรลงทุนกับกองทุน Index Fund อย่างไรดี ก็ต้องบอกว่ากองทุน Index Fund เหมาะกับการลงทุนระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป อาจจะไม่เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น ที่มีปัจจัยต่างๆเข้ามากระทบจนทำให้ต้องสับเปลี่ยน ซื้อขายบ่อย เพราะหลายครั้งช่วงตลาดขาขึ้น กองทุน Active Fund ก็อาจจะขึ้นแรงกว่า ในขณะที่ตลาดขาลง กองทุน Active Fund ก็อาจลงน้อยกว่าจากการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุน ดังนั้นการลงทุนระยะยาว อาจเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าสำหรับกองทุน Index Fund
ผลสำรวจ Active Fund ส่วนใหญ่แพ้ Index Fund
ผลสำรวจจากเว็บไซต์ SPGLOBAL เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2021 พบว่ากองทุนรวม Active Fund ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการ ส่วนใหญ่แล้วทำผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีแพ้กองทุน Index Fund โดยในสหรัฐฯมีกองทุนแพ้ดัชนี S&P 500 จำนวน 83.07% ในยุโรปมีกองทุนแพ้ดัชนีS&P Europe 350 จำนวน 83.23% ในอินเดียมีกองทุนแพ้ดัชนี S&P BSE 100 จำนวน 67.61% ส่วนในญี่ปุ่นมีกองทุนแพ้ดัชนี S&P/TOPIX 150 จำนวน 81.90%

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชนะพนันผู้จัดการกองทุน
ย้อนกลับไปในปี 2007 วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในโลก เคยท้าพนันกับ Ted Seides อดีตผู้จัดการกองทุน Hedge Fund แห่งProtégé Partners ว่ากองทุนดัชนี S&P 500 กับกองทุน fund of hedge funds จำนวน 5 กองทุน กองทุนไหนจะทำผลงานในช่วง 10 ปี ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 2008 – 31 ธ.ค. 2017 ได้ดีกว่ากัน โดยมีเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเดิมพัน

ภาพจาก Berkshire Hathaway
แม้ช่วงแรกปี 2008 จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจซับไพรม์จนทำให้ S&P 500 ปรับตัวลงแรง เช่นเดียวกับอีก 5 กองทุน แต่หลังจากนั้นจะเห็นว่าดัชนี S&P 500 ทำผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่อง แม้บางปีจะแพ้กองทุนคู่แข่งบ้าง จนเมื่อครบ 10 ปี ดัชนี S&P 500 สามารถทำผลตอบแทนได้ 125.8% ในขณะที่ Fund of Hedge Fund ทั้ง 5 กองทุนทำผลตอบแทนรวมได้เพียง 36.3% จึงทำให้ Ted Seides อดีตผู้จัดการกองทุน Hedge Fund แห่ง Protégé Partners แพ้ไปโดยปริยาย โดยทั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้นำเงินทั้งหมดไปบริจาคให้กับมูลนิธิ Girls Inc. of Omaha

หลายคนอาจเกิดความตกใจ เพราะคาดหวังว่ากองทุน Active Fund ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยบริหาร แถมเก็บค่าธรรมเนียมสูง กลับทำผลตอบแทนได้น้อยกว่ากองทุน Index Fund ก็ต้องบอกแบบนี้ว่าถ้าเราดูจากสถิติจของSPGLOBAL จะเห็นว่าก็ยังมีสัดส่วนกองทุนที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีในระยะยาวได้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่กองทุน Index Fund เป็นเพียงอีกหนึ่งทางเลือก แม้จากประสบการณ์จะพบว่าในระยะสั้นหลายครั้งกองทุน Index Fund จะทำผลงานได้ไม่ค่อยดี แต่ระยะยาวก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ
Index Fund ลงทุนเหมือนกัน เลือกลงทุนอย่างไรดี
หลายกองทุนมีการลงทุน Master Fund หรือดัชนีที่เหมือนกัน จึงทำให้หลายคนสงสัยว่าแล้วแบบนี้จะเลือกกองทุนไหนดี เรามาดูวิธีกัน
1.ดูผลตอบแทนที่มากที่สุด โดยดูผลตอบแทนทั้งในระยะสั้น และระยะยาวเทียบกับกองทุนอื่นๆที่ และพยายามเลือกกองทุนที่มีผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัดให้มากที่สุด
2.ดู Tracking Error ซึ่งเป็นค่าที่บอกเกี่ยวกับกองทุนมีผลตอบแทนเลียนแบบดัชนีชี้วัดมากน้อยแค่ไหน โดยหาก tracking error ต่ำ กองทุนรวมก็จะมีประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด ดังนั้น ยิ่ง Tracking Error ต่ำๆยิ่งดี
3.ดูค่าธรรมเนียม การซื้อขาย สับเปลี่ยนกองทุน โดยควรเลือกกองทุนที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำๆ เพราะเราจะถูกหักค่าธรรมเนียมทุกครั้ง เมื่อซื้อ ขาย สับเปลี่ยน ตามที่กำหนดไว้ในเอกสาร Fund Fact Sheet ทั้งนี้แต่ละกองทุน แต่ละบลจ.ก็มีนโยบายที่แตกต่างกันออกไป
4.ดูค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม ยิ่งค่าธรรมเนียมสูง ผลตอบแทนที่เราจะได้รับก็จะน้อยกว่ากองทุนที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำ ดังนั้นจึงควรเลือกกองทุนที่เก็บค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการทั้งหมดน้อยๆ

สำหรับนักลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนหวือหวาในระยะสั้น และไม่เน้นจับจังหวะการลงทุน แนะนำการลงทุนใน Index Fund ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่ถูก
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนหวือหวา เน้นจับจังหวะการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่สูง แนะนำกองทุน Active Fund
สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน แนะนำให้ลองลงทุนกองทุนรวมทั้ง 2 แบบก่อน แล้วจึงประเมินจากผลตอบแทนว่าเราเหมาะสมกับกองทุนแบบใด
ขอบคุณข้อมูลจาก : Gregor Zupanc , longnow ,Morningstarthailand ,SPGLOBAL