"
• ตลาดหุ้นเวียดนาม ปรับตัวลงจากการที่ธนาคารกลางเวียดนาม คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อในหลายอุตสาหกรรม ประกอบกับเป็นช่วงที่มีแรงซื้อขายจากต่างชาติน้อยกว่าปกติเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
• กองทุนหุ้นเวียดนาม ยังคงแนะนำถือลงทุนต่อได้ หรือทยอยลงทุนเพิ่มระยะยาว โดยควรมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเวียดนาม ไม่เกิน 5%-10%ของเงินลงทุนในหุ้น เนื่องจากเป็น frontier market ที่มีความผันผวนสูง
• สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนามเพื่อลดหย่อนภาษีปี 65 เช่น K-VIETNAM-SSF KVIETNAMRMF ต้องทำรายการซื้อกองทุนก่อน 30 ธ.ค. 65 เวลา 12.00 น.
"
ตลาดหุ้นเวียดนาม ณ 26 ธ.ค. 65 มีการปรับตัวลง เช่น ดัชนี VNI -3.44% และดัชนี VN30 -4.48%เทียบกับวันทำการก่อนหน้า โดยหากเทียบตั้งแต่ต้นปี (ช่วงที่ดัชนีอยู่ระดับสูงสุดในปี 65) ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามทั้ง 2 ปรับตัวลงมาแล้วประมาณ -35.02% และ -35.99% ตามลำดับ แต่หากเทียบกับระดับดัชนีที่ต่ำที่สุดในปี 65 เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ปัจจุบันหลังผ่านมาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ดัชนีทั้ง 2 ปรับขึ้นมา +8.91% และ +10.29% ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่จะชาดทุน และโอกาสสร้างผลตอบแทน จากการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก 26 ธ.ค. 65 เป็นวัดหยุดทำการของกองทุน K-VIETNAM K-VIETNAM-SSF และ KVIETNAMRMF ทำให้ราคากองทุน (NAV) ณ วันที่ 27 ธ.ค. 65 ที่ปรับตัวลง -2.45% -2.25% และ -2.33% เป็นการสะท้อนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นเวียดนามโดยรวมของวันที่ 26 ธ.ค. ซึ่งปรับตัวลงค่อนข้างมาก และ 27 ธ.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ไว้ด้วยกัน
ทำไม ตลาดหุ้นเวียดนามถึงปรับตัวลง ในวันที่ 26 ธ.ค. 65
ตลาดหุ้นเวียดนามซึ่งเป็น frontier market ที่มีนักลงทุนรายย่อยในสัดส่วนที่สูง ซึ่งโดยปกติมีความผันผวนสูงอยู่แล้ว มีความผันผวนมากขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงที่เงินลงทุนและแรงซื้อในตลาดหุ้นเวียดนามจากนักลงทุนต่างชาติน้อยกว่าปกติ ทำให้เมื่อมีปัจจัยลบมากระทบตลาดจึงปรับตัวลงค่อนข้างมาก
โดย Vietcombank Securities Company (VCBS) ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นบริษัทย่อยของธนาคารขนาดใหญ่ของเวียดนาม ได้มีการคาดการว่าธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) แม้จะเน้นปล่อยสินเชื่อและลดดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ในภาคการผลิตและธุรกิจ แต่อาจมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อให้กับกิจกรรมการลงทุนที่มีความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรม เช่น บริษัทหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงิน มีน้ำหนักรวมกันประมาณ 50% ของดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม ตลาดหุ้นจึงปรับตัวลง
อีกทั้งหนังสือพิมพ์โคเรีย อิโคโนมิก เดลี ของเกาหลีใต้ ยังมีรายงานว่า SK Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ กำลังพิจารณาขายสินทรัพย์บางส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสินทรัพย์ที่จะขายส่วนใหญ่คาดว่าอยู่ในเวียดนาม จึงเป็นอีกหนึ่งกระแสข่าวที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม จากการแถลงการณ์ของโฆษก SK Group แม้บริษัทมีแผนที่จะพิจารณาขายสินทรัพย์หรือหุ้นก็ตาม แต่ก็จะพิจารณานำเงินบางส่วนที่ได้จากการขายหุ้นไปลงทุนกับบริษัทท้องถิ่นอีกครั้ง อีกทั้งเมื่อ 27 ธ.ค. ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ได้มีการประกาศว่าจะดำเนินนโยบายการเงินให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับ 4.5% ในปีหน้า พร้อมกับเปิดเผยว่า ณ 21 ธ.ค. ยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในเวียดนามเพิ่มขึ้น 12.87% จากช่วงปลายปี 2564 ทำให้ปิดตลาด ณ 27 ธ.ค. ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้น เช่น ดัชนี VNI +1.97% และดัชนี VN30 +1.98%เทียบกับวันทำการก่อนหน้า
คำแนะนำการลงทุน
• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนาม (เช่น K-VIETNAM)
o สามารถถือลงทุนต่อได้ เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เพียงแต่ควรคุมสัดส่วนการลงทุนไว้ไม่เกิน 5%-10%ของเงินลงทุนในหุ้น เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามเป็น frontier market ที่มีความผันผวนสูง
o สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีปี 2565 ในกองทุน K-VIETNAM-SSF KVIETNAMRMF เนื่องจากทั้ง 2 กองทุนนี้มีเวลาทำการต่างจากกองทุนอื่น จึงต้องทำรายการซื้อก่อน 30 ธ.ค. 65 เวลา 12.00 น.
• ผู้ที่กังวลกับเศรษฐกิจโลกหรือความผันผวนการลงทุนปีหน้า แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ
• สำหรับผู้ต้องการพักเงินเพื่อจับจังหวะการลงทุนอีกครั้ง แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A ที่เหมาะกับระยะเวลาพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก RYT9, FINNOMENA
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”