เช็กให้ชัวร์! เงื่อนไขช้อปดีมีคืน 2566 ลดหย่อนภาษีให้ได้สูงสุด



"

• ช้อปดีมีคืน ปี 2566 ใช้สิทธิในการซื้อสินค้าและบริการที่มี VAT เช่นเดียวกับ ช้อปดีมีคืนในปี 2565 โดยมี ค่าน้ำมันที่ใช้สิทธิได้เพิ่มเติม และสิทธิเพิ่มเติมอีก 10,000 บาท (รวมเป็น 40,000 บาท) ต้องมาจากใบกำกับภาษีจากอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น


• ผู้ประกอบการที่ออกใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนกับกรมสรรพากรแล้วเท่านั้น โดยจะต้องมี ลายเซ็นต์อิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อความ “เอกสารนี้ได้จัดทำ และส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์” โดยไม่กำหนดช่องทางในการขอ เช่น ลงทะเบียนทางเว็ปไซต์ หรือขอผ่านเคาน์เตอร์

• Tips ใช้มาตรการช้อปดีมีคืนให้คุ้มค่า คือ ใช้ซื้อสินค้ามูลค่าสูงครั้งเดียว ครบทั้ง 40,000 บาท หรือ ใช้จากค่าใช้จ่ายที่มีในชีวิตประจำวัน ถือว่ามีส่วนลดเพิ่มจากภาษีคืน หรือ ใช้จากค่าธรรมเนียมในการออมการลงทุนในกองทุน / หุ้น / ทองคำก็ได้

"

นช่วงปลายปี 65 ที่ผ่านมา มติคณะรัฐมนตรี ได้มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงปีใหม่ นั่นคือ ช้อปดีมีคืน มีอะไรที่ใช้สิทธิได้หรือไม่ได้ และต้องซื้อในช่วงวันที่เท่าไหร่ จะใช้ตัวเลขไหนในการลดหย่อนภาษี รวมถึงใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร แล้วจะใช้สิทธิลดหย่อนเต็มสิทธิจะต้องทำอย่างไรบ้าง บทความนี้สรุปมาให้ดังนี้

1) เงื่อนไขของสิทธิช้อปดีมีคืน

ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ใช้สิทธิได้บ้าง

สินค้าและบริการที่ใช้สิทธิได้
สินค้าและบริการที่ใช้สิทธิไม่ได้
ประเภทสินค้าและบริการ
สินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
สินค้า OTOP
หนังสือ e-book
น้ำมันรถ*
ค่าซื้อสุรา ยาสูบ
ค่าซื้อรถ จักรยานยนต์
ค่าสาธารณูปโภค (น้ำ ไฟ Internet)
เบี้ยประกันวินาศภัย
จำนวนเงินที่ใช้สิทธิ
ใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท
โดย 30,000 บาท (ใช้ใบกำกับฯแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์**ก็ได้)
อีก 10,000 บาท (ใช้ใบกำกับฯแบบอิเล็กทรอนิกส์**เท่านั้น)
ช่วงเวลาที่ใช้สิทธิ
ค่าใช้จ่ายช่วงวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 66 เท่านั้น
*ค่าน้ำมัน คือ ค่าสินค้าที่ใช้สิทธิได้ในปี 2566 ข้อมูลจาก
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/63423?fbclid=IwAR3RxnGBNm1If4vGdtUEptFmAuHf_MgUp82PE1eJLzcpIxPU-H3iz0tvDl8

Tips หากต้องการใช้สิทธิเต็ม 40,000 บาท จำเป็นต้องซื้อสินค้าและบริการโดยมีใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 10,000 บาท หรือจะเต็ม 40,000 บาทก็ได้ ดังนั้น ต้องตรวจสอบว่าเป็นใบกำกับฯอิเล็กทรอนิกส์**โดยต้องมี 1)ลายเซ็นต์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ 2)ระบุข้อความในไฟล์หรือเอกสารว่า “เอกสารนี้ได้จัดทำ และส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์” โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเอกสารในรูปแบบไฟล์หรือกระดาษ

ค่าใช้จ่ายหมวดที่ผู้ประกอบการลงทะเบียนส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับกรมสรรพากร จะมีผู้ประกอบการกลุ่มตกแต่งบ้าน, บริการซื้อสินค้าออนไลน์ ขนส่งพัสดุต่างๆ, ร้านอาหาร, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, เสื้อผ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ค่าน้ำมัน และ ค่าธรรมเนียมการซื้อขายกองทุน / ค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น Brokerage / ค่าบำเหน็จทองคำ

หากต้องการตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ออกใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ดูรายชื่อได้ที่ https://etax.rd.go.th/etax_staticpage/app/#/index/registered#top


2) ใช้สิทธิจะได้ภาษีเงินคืนเท่าไหร่

จำนวนเงินที่ใช้สิทธิเป็นราคาสินค้าและบริการที่รวม VAT แล้ว ไม่เกิน 40,000 บาท ดังนั้น จะได้ภาษีคืนเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีของแต่ละผู้มีเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท ดังตาราง

เงินได้สุทธิ
อัตราภาษี
เงินคืนภาษีสูงสุด
0-150,000
ได้รับยกเว้นภาษี
ไม่ได้เงินคืนภาษี
150,001-300,000
5%
2,000 บาท
300,001-500,000
10%
4,000 บาท
500,001-750,000
15%
6,000 บาท
750,001-1,000,000
20%
8,000 บาท
1,000,001-2,000,000
25%
10,000 บาท
2,000,001-5,000,000
30%
12,000 บาท
5,000,001 ขึ้นไป
35%
14,000 บาท


Tips ใช้สิทธิช้อปดีมีคืนให้คุ้ม มองความจำเป็นในการใช้สินค้านั้นก่อน และค่อยมองภาษีคืนคือส่วนลด

3) ใช้สิทธิอย่างไรให้คุ้ม

เหมาะกับผู้ที่มีแผนจะซื้อของชิ้นใหญ่ และผู้ขายออกใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ก็ออกใบกำกับฯใบเดียวใช้สิทธิได้เต็มจำนวน ไม่ต้องกระจายหลายใบกำกับฯ
เหมาะกับผู้ที่นำค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เข้าข่ายใช้สิทธิลดหย่อนช้อปดีมีคืนมาลดหย่อน เช่น ค่าอาหารนอกบ้าน ค่าตกแต่งบ้าน รวมถึง ค่าน้ำมัน ที่ใช้เดินทางไปพักผ่อนหรือหาญาติในต่างจังหวัด
เหมาะกับผู้ที่จะออม/ลงทุน ในกองทุน / หุ้น / ทองคำ ที่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย นำค่าธรรมเนียมซื้อขายมาใช้สิทธิ ช้อปดีมีคืนได้ เช่น ซื้อกองทุน 1,000,000 บาท มีค่าธรรมเนียมซื้อ 1.5% คิดเป็น 15,000 บาท ก็นำค่าธรรมเนียมมาใช้ลดหย่อนได้ และยังมีเงินออม/ลงทุนได้อีกด้วย
ใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นรูปแบบขอผ่านทางเว็ปไซต์ หรือ ขอผ่านเคาน์เตอร์ของบริษัทผู้ขายสินค้าและบริการ เป็นการจัดการของแต่ละผู้ประกอบการ แต่ผู้ประกอบการต้องลงทะเบียนจะส่งข้อมูลตามข้อกำหนดของกรมสรรพากรแล้วเท่านั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมสรรพากร https://epay.rd.go.th ข้อมูล ณ วันที่ 5 ม.ค. 66


คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH TRAINER สุนิติ ถนัดวณิชย์ CFP®
Back to top