"
• สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ยิงบอลลูนสอดแนมของจีน ที่บินเข้าน่านฟ้าสหรัฐฯ
• นักลงทุนยังคงกังวลว่า FED อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขการจ้างงานที่ประกาศออกมายังคงแข็งแกร่ง
• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีนและกองทุนหุ้นเอเชีย ยังคงแนะนำให้ถือต่อ และสามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้
"
6 ก.พ. 66 กองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นจีนและหุ้นเอเชีย มีการปรับตัวลงจากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เริ่มเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา
อัปเดตสถานการณ์
6 ก.พ. ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นจีนและหุ้นเอเชีย มีการปรับตัวลง ซึ่งเห็นได้จาก การปรับตัวลงของกองทุนต่างประเทศ ที่กองทุน KAsset มีการลงทุนอยู่ เช่น
•กองทุน JPM China Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-CHINA ปรับตัวลง -2.90% เทียบกับวันก่อนหน้า
•กองทุน UBS SICAV China A Opportunity ซึ่งเป็นกองทุนที่ K-CCTV-A(A) ลงทุนในสัดส่วน 39.62% (ข้อมูล ณ 19 ม.ค. 66) ปรับตัวลง -2.41%เทียบกับวันก่อนหน้า
•กองทุน JPM Pacific Technology Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-ATECH ปรับตัวลง -2.94% เทียบกับวันก่อนหน้า
•กองทุน Asia Opportunity ซึ่งเป็นกองทุนที่ K-ASIACV-A(A) ลงทุนในสัดส่วน 22.49% (ข้อมูล ณ 24 ม.ค. 66) ปรับตัวลง -3.16%เทียบกับวันก่อนหน้า
ทำไม กองทุนหุ้นจีนและเอเชีย ถึงปรับตัวลง
กองทุนหุ้นจีนและเอเชีย ณ 6 ก.พ. 66 มีการปรับตัวลง หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ก.พ. มีข่าวว่าสหรัฐฯ ได้ตรวจพบบอลลูนสอดแนมของจีนอยู่บนน่านฟ้าสหรัฐฯ และได้ยิงบอลลูนดังกล่าวตกลง สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ประกอบกับความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED อาจยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ก.พ. ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 517,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ค.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็นกว่า 2.7 เท่าจากที่เคยคาดไว้ รวมถึงตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ FED ใช้หาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3%เทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 4.4%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.3%
มุมมองการลงทุน
ระดับราคาหุ้นจีนยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต และยังมีอัตราการเติบโตสูงในปีนี้ จากการที่จีนเดินหน้าเปิดประเทศ ภาคการท่องเที่ยวมีโอกาสฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงรัฐบาลได้ให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูและกระตุ้นการบริโภค โดยคาดว่าทางการจีนจะตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจที่ 5% ในปีนี้ อีกทั้งทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการเงินยังผ่อนคลาย ซึ่งสวนทางกับประเทศหลักอื่นๆ
สำหรับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ล่าสุด เกี่ยวกับบอลลูนสอดแนมของจีนนั้น อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาจีนและสหรัฐฯ เอง ก็เคยมีความขัดแย้งหรือความตึงเครียดในเรื่องอื่นมาแล้ว โดยล่าสุดกองทุนต่างประเทศหลายกองทุนที่ปรับตัวลงจากสถานการณ์ดังกล่าว ก็ได้มีการปรับตัวขึ้นในวันที่ 7 ก.พ. เช่น JPM China Fund, UBS SICAV China A Opportunity และ Asia Opportunity ปรับตัวขึ้น +0.67% +0.14% และ +0.75%เทียบกับวันก่อนหน้า ตามลำดับ
คำแนะนำการลงทุน
•ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CHINA K-CHX K-CCTV ฯลฯ หรือกองทุนหุ้นเอเชีย เช่น K-ASIA K-ASIAX K-ASIACV ฯลฯ แนะนำถือลงทุนต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่มสามารถทยอยลงทุนเพิ่ม เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวได้
•ผู้ที่ถือกองทุน K-ATECH ที่เน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยีที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนหุ้นเอเชียอื่นจากการลงทุนที่มีความกระจุกตัว แนะนำให้ถือเพื่อรอติดตามสถานการณ์ก่อน
•สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
•KAsset, RYT9
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”