"
• กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงจากหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ที่ปรับตัวลง แนะนำถือลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ต่อ เพื่อรอประเมินสถานการณ์
• ผู้ที่กังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แต่รับความเสี่ยงได้ หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-PLAN2, K-PLAN3
"
24 มี.ค. 66 ราคากองทุนหลักของ K-USA (US Advantage) ปรับตัวลดลง -3.15% เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้ราคากองทุน K-USA ณ 24 มี.ค. 66 ปรับตัวลดลง -3.09% เทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ ทั้ง 3 ตลาดที่ปิดบวกเล็กน้อย โดยดัชนี Nasdaq +0.31% S&P 500 +0.56% และ Dow Jones +0.41% เทียบกับวันก่อนหน้า
ทำไมกองทุน K-USA ถึงปรับตัวลดลง
24 มี.ค. 66 กองทุน K-USA ปรับตัวลดลงสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยกองทุน K-USA ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Information Technology ด้วยสัดส่วน 38.82% และหุ้นกลุ่ม Consumer Discretionary ด้วยสัดส่วน 20.06% (ณ 28 ก.พ. 66) ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่ม Consumer Discretionary มีการปรับตัวลดลง
หากพิจารณาหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนหลักของ K-USA ลงทุนมากที่สุด ณ 28 ก.พ. 66 คิดเป็นสัดส่วนรวม 59.07% ของมูลค่ากองทุน พบว่า ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลดลง แต่มีเพียง 4 หลักทรัพย์เท่านั้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง
จากตารางพบว่า ณ 24 มี.ค. 66 มีอยู่ 6 หลักทรัพย์ จาก 10 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนรวม 38.52% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวลดลงเทียบกับวันก่อนหน้า โดยมีอยู่ 3 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 19.83% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวลดลงมากกว่า 2% เทียบกับวันก่อนหน้า ได้แก่
•Snowflake Inc ผู้ให้บริการระบบ Cloud และเน้นจัดการฐานข้อมูล
•ASML Holding NV ผู้วิจัยและพัฒนาเครื่องจักรที่ใช้สำหรับการพิมพ์ลายลงบนชิป
•Cloudflare Inc ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ สร้างแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ให้บริการเครือข่ายหลากหลายแก่ธุรกิจ
จะเห็นว่ากองทุน K-USA เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก (active management) ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตสูง รวมถึงมีการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงมีความผันผวน และราคาสามารถปรับขี้นหรือลงได้แรงกว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงควรเข้าใจความเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสาร อัปเดตสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมีสติ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ณ 24 มี.ค. 66 ปิดบวกเล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ประธาน FED ระดับภูมิภาค 3 คน ได้แก่ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์ นายราฟาเอล บอสติก ประธาน FED สาขาแอตแลนตา และนายโทมัส บาร์กิ้น ประธาน FED สาขาริชมอนด์ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าระบบธนาคารไม่ได้เผชิญกับวิกฤตสภาพคล่อง ทำให้ FED ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคารได้ ดังนั้น ในภาพรวมกองทุน K-USA ยังสามารถถือลงทุนต่อได้เพื่อรอดูสถานการณ์
คำแนะนำการลงทุน
•ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA, K-US500X, K-USXNDQ แนะนำถือลงทุนต่อ เพื่อรอประเมินสถานการณ์ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุน ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน
•สำหรับผู้ที่กังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แต่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-PLAN2, K-PLAN3 ที่มีการกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และหรือเงินฝาก ซึ่งเน้นลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยแนะนำให้ทยอยลงทุนหลายครั้ง (เช่น 3-5 ครั้งจากเงินลงทุนที่ตั้งใจ) เพื่อลดความเสี่ยงลง
•สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่สบายใจกับสถานการณ์ปัจจจุบันและอยากรอประเมินสถานการณ์ก่อน แนะนำพักเงินไว้ที่กองทุน K-CASH หรือ K-SF-A ก่อนได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
•KAsset
•Ryt9
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”