นักลงทุนจะมีกลยุทธ์ในการ ปรับและเลือกสินทรัพย์ อย่างไร?
KAsset Fund’s GURU คุณภารดี มุณีสิทธิ์, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย จะตอบคำถามและไขข้อสงสัยให้กับนักลงทุน“เมื่อใดก็ตามที่ตลาดการลงทุนเข้าสู่ความผันผวนสูง นักลงทุนมักจะเกิดความกลัว ไม่ค่อยกล้าลงทุน หรือไม่ก็ไปเน้นทุ่มลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงเพียงอย่างเดียว” ซึ่งในความจริงแล้ว การที่ตลาดผันผวนบ่อยไม่ใช่เรื่องน่ากลัวขนาดนั้น เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เป็นวัฏจักรทางเศรษฐกิจ (Economic Cycle) ที่จะหมุนวนไปเรื่อย ๆ อยู่แล้ว “การลงทุนในช่วงนี้ จึงควรกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายรูปแบบ เพื่อลดความผันผวนควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนที่ดี นั่นคือการลงทุนกับ กองทุนผสม นั่นเอง”
กองทุนผสม คืออะไร?
กองทุนผสม คือ การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลาย ๆ ประเภท ที่รวมมาไว้ในกองทุนเดียว (Multi-asset) โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องทยอยซื้อสะสมแยกต่างหาก ซึ่งจะทำให้โอกาสขาดทุนมีน้อยลง ในขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสของการทำกำไรให้มากขึ้น และยังมีการปรับพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เหมาะกับทุกสถานการณ์ในตลาดที่เปลี่ยนแปลง กองทุนผสม เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมาย ดังนี้
• คนที่ไม่มีเวลาลงทุนและจัดการพอร์ต หรือไม่ถนัดต่อการจับจังหวะลงทุนในตลาด
• คนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว อย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป
• คนที่อยากลดความผันผวนให้พอร์ตการลงทุนของตัวเอง
• คนที่คาดหวังผลตอบแทนสูง แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงที่มากเกินไป
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ของนักลงทุนในช่วงภาวะตลาดที่มีความผันผวนเช่นนี้ โดยเฉพาะทางฝั่งต่างประเทศที่มีประเด็นข่าวหลายอย่างเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
คำแนะนำการลงทุน
คาดว่าความอ่อนแอของตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะเริ่มทยอยออกมาเรื่อยๆ ประกอบกับแรงกดดันจากดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูง และการปะทุของปัญหาธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็ก นำไปสู่การกดดันของสินเชื่อในภาคธุรกิจและครัวเรือน และท้ายสุดการปรับคาดการณ์การเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจและกำไรลง คาดว่าตลาดน่าจะอยู่ช่วงพักฐานเพื่อประเมินความรุนแรงของการถดถอยของเศรษฐกิจ โดยการคาดหวังว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ ทำให้ตลาดยังทรงตัวได้ แต่เรามองว่าค่อนข้างเป็นมุมมองบวกเกินไป (Optimism) และคาดว่าตลาดจะมีความผันผวนเมื่อปรับคาดการณ์ดังกล่าว
บลจ.กสิกรไทย จึงขอแนะนำว่า จากตลาดต่างประเทศโดยรวมที่ยังผันผวน นักลงทุนจึงควรเน้นลงทุนกับกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในไทย ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าการลงทุนในต่างประเทศ
ด้วย 2 กองทุนผสมแนะนำระดับ 5 ดาว จาก Morningstar (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 66) ได้แก่ K-PLAN2 และ K-PLAN3 ที่เน้นลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทยเป็นหลัก แตกต่างกันที่สัดส่วนลงทุน โดยกลุ่มกองทุนผสมนี้ นักลงทุนสามารถเลือกแพลนได้ และมีผู้เชี่ยวชาญดูแลพอร์ตอย่างใกล้ชิด
• K-PLAN2 มีสัดส่วนหุ้นไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
• K-PLAN3 มีสัดส่วนหุ้นไม่เกิน 55% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ตัวอย่างทรัพย์สินที่กองทุนผสม K-PLAN ลงทุน
• พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (Credit rating AAA)
• หุ้นกู้ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (Credit rating A+) ผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย โครงการส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และตามจังหวัดใหญ่ ๆ
หุ้นกู้ บมจ. ซีพี ออลล์ (Credit rating A+) บริษัทในกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกอบธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านค้าสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า “7-Eleven” ในประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ
• หุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลักในด้านการประกอบกิจการโรงแรม ภัตตาคาร อาหารและเครื่องดื่ม การจัดจำหน่ายและผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
• ISHARES MSCI ACWI INDEX FUND กองทุน ETF ที่เน้นลงทุนให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ ดัชนี MSCI ALL COUNTRY WORLD INDEX (MSCI ACWI)
โดยทั้ง 2 กองทุนต่างมีแนวโน้มของ ผลการดำเนินงานที่ดีในอนาคต อีกทั้งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัตราดอกเบี้ยขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว และกำลังจะปรับตัวลงมาในอีกไม่ช้า จึงเป็นจังหวะของโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนที่นักลงทุนไม่ควรพลาด !!
คำเตือน : ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษานโยบายกองทุนและความเสี่ยงได้ที่
www.kasikornasset.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
• KAsset