คาดเวียดนามฟื้น หลังอัดยาชุดใหญ่

ตลาดหุ้นเวียดนามเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ล่าสุดปรับตัวขึ้นมาแล้ว 8.66% ด้านรัฐบาลเวียดนามพร้อมหนุน กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีกหลายมาตรการ

ตลาดหุ้นเวียดนามดาวรุ่งพุ่งแรงของนักลงทุนชาวไทย ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมากลับปรับตัวลงมาตลอดจนเหล่านักลงทุนเริ่มถอดใจกับตลาดหุ้นนี้ไปกันบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเวียดนามเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 5 ก.ค. 2023 ดัชนี VNI ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 8.66% สร้างคำถามกับนักลงทุนมากมายว่าตลาดหุ้นเวียดนามถึงเวลากลับมาอีกครั้งแล้วหรือยัง?



GDP เวียดนามไตรมาส 2 โตแรง แต่ยังห่างเป้าปีที่ 6.5%


ปลายเดือน มิ.ย. ทางการเวียดนามเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของปี 2023 เพิ่มขึ้น 4.14% (YoY) มากกว่าคาดการณ์ที่ 3.8% (YoY) และเพิ่มจากไตรมาสแรกที่ GDP เพิ่มขึ้น 3.32% (YoY) การเปิดเมืองทำให้กลุ่มบริการฟื้นตัวถึง 6.11% (YoY) ส่วนภาคเกษตรเติบโต 3.25% (YoY) ภาคการผลิตและก่อสร้างเติบโต 2.5% (YoY) ขณะที่ภาคส่งออกหดตัว 14.2% (YoY) และภาคนำเข้าหดตัว 22.3% (YoY)


เมื่อรวมครึ่งแรกของปี GDP เติบโต 3.72% (YoY) ซึ่งเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ที่เติบโตมากกว่าคาดเป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและใช้นโยบายการคลังช่วยกระตุ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ 6.5% ซึ่งตัวเลขครึ่งปีแรกยังห่างไกลพอสมควร ดังนั้นคาดว่ารัฐบาลจะต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก



เวียดนามอัดยาชุดใหญ่อย่างไรบ้าง


ธนาคารกลางเวียดนามเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย refinance เมื่อเดือน เม.ย. โดยในตอนนั้นอยู่ที่ระดับ 6.0% ซึ่งปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอยู่ที่ 4.5% โดยระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์อยู่ที่ 4.0% การลดอัตราดอกเบี้ยนอกจากส่งผลให้เกิดการกู้สินเชื่อเพิ่มขึ้น สภาพคล่องในภาคอสังหาฯ ผ่อนคลาย ยังส่งให้นักลงทุนรายย่อยซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของตลาดหุ้นเวียดนามนำเงินกลับเข้ามาลงทุน ซึ่งก่อนหน้านี้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงจึงดึงดูดเม็ดเงินส่วนนี้เข้าสินทรัพย์ประเภทเงินฝาก ด้านรัฐบาลเวียดนามเน้นกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการขยายอายุ e-visas จาก 30 วัน เป็น 90 วัน นอกจากนี้ยังปรับลดภาษี VAT จาก 10% เหลือ 8% พร้อมลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนรถลงครึ่งหนึ่งสำหรับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ เริ่มวันที่ 1 ก.ค. ถึงสิ้นปีนี้


ถึงแม้ว่า Goldman Sachs คาดว่าธนาคารกลางเวียดนามน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี แต่หากมีความจำเป็นต้องกระตุ้นด้วยอัตราเงินเฟ้อ เดือน พ.ค. ลงมาที่ 2.4% (YoY) ต่ำสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. 2022 และต่ำกว่าเป้าหมายธนาคารกลางที่ 4.5% ทำให้ธนาคารกลางไม่ถูกกดดันจากเงินเฟ้อสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ย และคาดว่านโยบายการคลังจะเข้ามามีบทบาทในช่วงครึ่งหลังของปีแทนที่นโยบายการเงิน



ส่องคาดการณ์การเติบโตและมูลค่าตลาดหุ้นเวียดนาม


ปัจจุบันคาดว่าปีนี้ตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI) จะมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 98.34 ดองต่อหุ้น ปีที่แล้วอยู่ที่ 89.09 ดองต่อหุ้น แสดงว่านักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตที่ 10.38% ด้านมูลค่าที่สะท้อนผ่านอัตราส่วน Forward P/E อยู่ที่ 11.53 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 14.2 เท่า นับว่ามูลค่าถูก มี upside เพียงแต่ต้องรอปัจจัยหนุนมาดันตลาด


ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 5 ก.ค. ตลาดหุ้นเวียดนาม (VNI) ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 8.66% โดยกลุ่ม Financials ซึ่งมีสัดส่วนถึง 40.76% ปรับตัวขึ้น 14.85% ขณะที่กลุ่ม Materials ซึ่งมีสัดส่วน 7.33% ปรับตัวขึ้นมากที่สุดถึง 29.76% ส่วนกลุ่มอื่นที่สำคัญ เช่น กลุ่ม Industrials ที่มีสัดส่วน 7.9% ปรับตัวขึ้น 12.49% และกลุ่ม Real Estate มีสัดส่วน 17.38% ปรับตัวขึ้น 0.85% โดยมีเพียงกลุ่ม Consumer Staples และกลุ่ม Consumer Discretionary ยังมีผลตอบแทนเป็นลบ



กองทุน K-VIETNAM รับการฟื้นตัวตลาดหุ้นเวียดนาม


กองทุน K-VIETNAM ลงทุนหุ้นในตลาดหุ้นเวียดนามโดยตรง เน้นกลุ่มที่รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 66 เผยว่ากองทุนรับประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเวียดนามเช่นกัน โดยมีสัดส่วนกลุ่ม Financials อยู่ที่ 34.61% ตามด้วยกลุ่ม Real Estate อยู่ที่ 16.48% แม้จะมีสัดส่วนกลุ่ม Consumer Staples และ Consumer Discretionary ที่ 10.3% และ 8.98% ตามลำดับ แต่หากเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้น ก็มีโอกาสที่กองทุนจะรับแรงหนุนจากกลุ่มดังกล่าวที่ได้ประโยชน์จากบริโภคภายในและภาคท่องเที่ยวที่เติบโต


โดยรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยเงินเฟ้อที่ต่ำทำให้รัฐบาลหันกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งส่งผลดีต่อกลุ่มการเงิน อสังหาฯ บริโภคภายใน และท่องเที่ยว ด้วยภาวะเช่นนี้กองทุน K-VIETNAM เป็นคำตอบให้นักลงทุนคว้าโอกาสในตลาดหุ้นเวียดนามอีกครั้ง


คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer วีรพล บางแวก
Back to top