ช่วงปี 2564 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการเสนอปรับสูตรคำนวณดัชนี SET 50, SET 100 โดยนำปัจจัยสภาพคล่อง อย่าง Free Float มาร่วมคำนวณดัชนี เพื่อไม่ให้หุ้นขนาดใหญ่ (หุ้น 10 ตัวแรก) แต่มีสภาพคล่องน้อย (Free Float น้อยที่สุดในดัชนี SET 50 อยู่ที่22% ของหุ้นทั้งหมด) เป็นหุ้นที่ชี้นำดัชนี โดย Free Float คือ จำนวนหุ้นสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีการซื้อขายคิดเป็นกี่ % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ยิ่งมี Free Float น้อย หมายความถึงปริมาณหุ้นที่นักลงทุนรายย่อยถืออยู่มีสัดส่วนน้อย หากนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ต้องการซื้อหุ้นจำนวน 100,000 หุ้นเท่ากัน หุ้น Z มี Free Float ประมาณ 20% จะมีโอกาสที่ราคาหุ้นปรับขึ้นได้มากกว่า หุ้น Y ที่มี Free Float ประมาณ 95% เพราะหุ้น Z มีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ซื้อขายหุ้นแน่ๆ เช่น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้บริหาร นักลงทุนสถาบันฯ ทำให้ปริมาณการตั้งราคาซื้อขายจะเบาบางกว่าหุ้น Y ดังนั้น ถ้าหุ้น Z มีมูลค่าตลาดสูง(อยู่ใน SET 50) ทำให้ดัชนี SET 50 มีโอกาสเคลื่อนไหวสูงหรือต่ำกว่าที่ควรจะเป็นตามกลไกตลาด เมื่อใช้การคำนวณดัชนีแบบเดิม (อิงตามมูลค่าตลาด) แล้วดัชนีสูตรใหม่ ที่จะเริ่มใช้กันในวันที่ 1 ม.ค.67 คืออะไร มีผลกระทบกับตลาดหุ้น รวมถึงกองทุนรวมดัชนี มากหรือน้อยเพียงใด บทความนี้จะเล่าให้ฟัง
ทำไมต้องปรับสูตรคำนวณดัชนี
ปัจจุบัน วิธีการคำนวณดัชนีหุ้นของไทย หรือ SET Index จะใช้วิธีการคำนวณราคาตลาดรวมรายวันปัจจุบันเทียบกับดัชนีคำนวณราคาตลาดรายวัน ณ วันที่กำหนดฐาน (18 เม.ย. 2518) เช่นเดียวกับ SET 50 และ SET 100 ก็เป็นดัชนีหุ้นไทย 50 ตัว หรือ 100 ตัวแรก ที่คำนวณราคาตลาดมากที่สุด 50 ตัว หรือ 100 ตัวแรกของตลาดฯ มาใช้ในการคำนวณดัชนีอ้างอิงกับราคาตลาดในวันที่เป็นฐาน ผลจากการใช้การคำนวณแบบอิงราคาตลาดเต็มจำนวน (Fully Market Capitalization) ทำให้ในบางวันทำการ ที่มีหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องน้อยที่สุดในดัชนี SET 50 มีสัดส่วน Free Float 22% ราคาเคลื่อนไหวแรง ยกตัวอย่าง เช่น หุ้น DELTA (ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 66) ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นลำดับ 1 ที่ 1.42 ล้านล้านบาท แต่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) 22% จากหุ้นที่มีทั้งหมด โดยหุ้น DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.55% (เทียบรายสัปดาห์) เปรียบเทียบกับดัชนีหุ้นไทย ปรับเพิ่มขึ้น 1% อยู่ที่ 1,609.17 จุด (ณ 31 มี.ค. 66) แต่มูลค่าการซื้อขายน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ไม่ถึง 50,000 ล้านบาทต่อวัน ดังนั้น จะสะท้อนว่า หุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูง และมี Free Float ต่ำ (22%) อย่าง DELTA เป็นแรงดันให้ดัชนีหุ้นไทย ยืนอยู่เหนือ 1,600 จุด ได้ ท่ามกลางภาวะการซื้อขายเบาบาง ในขณะที่หุ้นใหญ่กลุ่มอื่นที่มีน้ำหนักต่อดัชนี ราคาไม่เคลื่อนไหวไปไหน หากมีการปรับการคำนวณดัชนีด้วย Free Float จะช่วยให้ดัชนีหุ้นขึ้นไม่ถึง 1% จากการเคลื่อนไหวของหุ้นใหญ่ 1 ตัว 14.55% ตามตัวอย่าง ก็จะช่วยให้ลดการพึ่งพาการเคลื่อนไหวของหุ้นตัวใดตัวหนึ่งลง
นอกจากดัชนี SET 50, SET 100 ที่คำนวณโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว ต้องบอกว่า การปรับสูตรคำนวณโดยปรับด้วย Free Float ถือเป็นปัจจัยที่ผู้กำหนดดัชนีในต่างประเทศก็คำนวณกัน เช่น MSCI ที่จะใช้ดัชนี MSCI Thailand เช่นเดียวกับ FTSE SET Large Cap ที่เป็นดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ของไทย ที่ปรับด้วย Free Float เช่นกัน ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกในการคำนวณดัชนีโดยคำนึงถึงปัจจัย Free Float หรือสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้นด้วย
ผลกระทบต่อผู้ลงทุนในหุ้น
จากการเปลี่ยนวิธีการคำนวณดัชนี SET 50, SET100 สำหรับนักลงทุนในหุ้น จะมีมุมมองเป็นบวกในระยะสั้นต่อหุ้นที่จะเข้ามาอยู่ในการคำนวณดัชนี และมุมมองเป็นลบในระยะสั้นต่อหุ้นที่ถูกดึงออกจากการคำนวณดัชนี และโบรกเกอร์ที่มีการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันสูงๆ จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตามดัชนีที่อ้างอิงเช่น SET50FF และ SET100FF มากขึ้น โดยจะมีหุ้น 10 ตัวที่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มสัดส่วนในการคำนวณดัชนีใหม่ คือ หุ้นที่มี Free Float สูงๆ ในขณะที่หุ้น 10 เสียประโยชน์จากการลดสัดส่วนในการคำนวณดัชนีฯ เนื่องจากหุ้นมี Free Float น้อยๆ โดยทาง KS ประเมิน
หุ้น 10 ตัวที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มสัดส่วนในการคำนวณดัชนีแบบใหม่ SET50FF* คือ BBL, SCB, BDMS, KBANK, SCC, CPALL, CPN, PTT, BANPU, BH
ส่วนหุ้น 10 ตัวที่เสียประโยชน์จากการลดสัดส่วนในการคำนวณดัชนีแบบใหม่ SET50FF* คือ DELTA, AOT, GULF, PTTEP, ADVANC, OR, INTUCH, TRUE, SCGP, GSPC
*ข้อมูล ณ วันที่ 7 ส.ค. 66
ที่มาจาก KS :
https://www.kasikornsecurities.com/th/research/market-summary/CHMtxY
ผลกระทบต่อผู้ลงทุนในกองทุน
บล.กสิกรไทย มีมุมมองผลกระทบต่อกองทุน จำกัด เนื่องจาก 1.ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจจะมีมาตรการเพื่อลดผลกระทบในระยะสั้น ด้วยการปรับเปลี่ยนหุ้นทีละเฟส ไม่ใช่ปรับวิธีการคำนวณในครั้งเดียว 50 ตัว ทำให้แนวนี้ลดผลกระทบต่อผู้ลงทุนหรือกำลังจะลงทุนในกองทุน K-SET50 เพิ่มเติมได้ 2.ผู้จัดการกองทุนต้องปรับเปลี่ยนดัชนีอ้างอิงเป็น ดัชนี SET50FF หรือ SET100FF จะทำให้การปรับพอร์ตในระยะสั้นเกิดขึ้นได้ ดังนั้นให้รอติดตามข่าวสารจากตลาดหลักทรัพย์เรื่องการปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณดัชนีใหม่เพิ่มเติม รวมถึงการเปลี่ยนนโยบายการลงทุนโดยอ้างอิงดัชนีอะไรเป็นตัวอ้างอิงต่อไป
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณดัชนีใหม่ ถือเป็นการปรับสัดส่วนการลงทุนโดยอ้างอิงกับดัชนีเช่นเดิม และเป็นสิ่งที่นักลงทุนกองทุนหุ้นดัชนี ต้องติดตามข่าวสารและวันเวลาที่กำหนดให้มีผลบังคับใช้ต่อไป หรือหากต้องการลงทุนในช่วงเริ่มต้นเพื่อเลี่ยงผลกระทบจากการคำนวณดัชนี เลือกลงทุนในกองทุนหุ้นอื่น เช่น กองทุน K-STAR รวมถึงกองทุนผสม อย่าง K-PLAN 2 หรือ K-PLAN 3 ได้
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”