ประเด็นร้อน: ตลาดหุ้นจีนและเอเชียปรับตัวลง รับข่าว GDP ไตรมาส 4 จีนต่ำกว่าคาด

ตัวเลข GDP จีน ไตรมาส 4 โต 5.2% (YoY) ต่ำกว่าคาด แต่ฟื้นตัวเพิ่มจากไตรมาส 3 ส่งให้ GDP จีนทั้งปี 2023 โต 5.2% มากกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.0% อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และเอเชียปรับตัวลงรับตัวเลข GDP ต่ำกว่าคาด


• ตัวเลข GDP จีน ไตรมาส 4 โต 5.2% (YoY) ต่ำกว่าคาด แต่ฟื้นตัวเพิ่มจากไตรมาส 3 ส่งให้ GDP จีนทั้งปี 2023 โต 5.2% มากกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.0% อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และเอเชียปรับตัวลงรับตัวเลข GDP ต่ำกว่าคาด


• K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน จากกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอ โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ขึ้นอยู่กับขนาดมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะใช้อย่างสมดุล และมีมุมมองเป็นบวก (Slightly Positive) ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ประเทศที่สำคัญในตลาดหุ้นเอเชีย ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากทั้งเศรษฐกิจภายในและการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2024




ตัวเลข GDP ประเทศจีน ไตรมาส 4 โต 5.2% ต่ำกว่าคาดที่ 5.3%

สำนักสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ขยายตัว 5.2% (YoY) ต่ำกว่าคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่ 5.3% (YoY) เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 4.9% (YoY) โดยรับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวหลัง COVID-19 ส่งให้ตัวเลข GDP จีนทั้งปี 2023 ขยายตัว 5.2% สูงกว่าเป้าหมายของทางการจีนซึ่งตั้งไว้ที่ 5%


ตัวเลข GDP ปี 2023 สอดคล้องกับที่นายกฯ จีน ได้กล่าวไว้ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีราว 5.2% โดยไม่ต้องพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากไม่ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะสั้น แต่เผชิญความเสี่ยงในระยะยาว



ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค. โตดีกว่าคาด ค้าปลีกโตต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ย.

ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของเดือนธันวาคม ดังนี้

• ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) ขยายตัว 6.8% (YoY) สูงกว่าคาดการณ์ที่ 6.6% (YoY) นับเป็นการขยายตัวในอัตรามากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2022

• ตัวเลขการลงทุนสินทรัพย์คงทน (Fixed Asset Investment) ขยายตัว 3.0% (YoY) สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.9% (YoY)

• ตัวเลขค้าปลีก (Retail Sales) เติบโต 7.4% (YoY) ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 8.0% (YoY) นับเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีที่ผ่านมา

• อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) อยู่ที่ 5.1% แย่กว่าคาดที่ 5.0% ส่วนอัตราการว่างงานของประชากรอายุระหว่าง 16-24 ปี อยู่ที่ 14.9%


ซึ่งสะท้อนว่าแม้เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังมีหลายภาคส่วนที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะการใช้จ่ายภายในที่สะท้อนผ่านตัวเลขการลงทุนสินทรัพย์คงทนและการค้าปลีก



ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และเอเชียปรับตัวลงรับตัวเลข GDP จีนต่ำกว่าคาด

หลังมีเปิดเผยตัวเลขออกมา ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และเอเชีย (ณ วันที่ 17 ม.ค. 67 เวลา 10.40น.) ปรับตัวลงรับข่าวดังกล่าว โดยที่

• ดัชนี China A50 ปรับตัวลง 1.09%, CSI 300 ปรับตัวลง 0.73% และ Hang Seng ปรับตัวลง 3.07%

• ดัชนี KOSPI เกาหลีใต้ ปรับตัวลง 2.11%, ดัชนี Nifty 50 อินเดีย ปรับตัวลง 1.75% และดัชนี SET ไทย ปรับตัวลง 0.77%

ในระยะสั้นคาดว่าตลาดหุ้นจีนและเอเชียจะผันผวนจากตัวเลข GDP จีนที่ต่ำกว่าคาด ส่วนในระยะกลางถึงยาวคาดว่าความเคลื่อนไหวจะขึ้นอยู่กับขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ



มุมมองการลงทุน

K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน จากกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอ โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ขึ้นอยู่กับขนาดมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลเป็นหลัก โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และนักลงทุนต่างชาติ โดยคาดว่ารัฐบาลจีนจะมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม แต่เน้นการใช้แบบสมดุลตามแนวทางที่นายกฯ จีนได้แถลงในการประชุม World Economic Forum สะท้อนว่ารัฐบาลจีนจะไม่ใช้มาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่รวดเร็วอย่างที่นักลงทุนคาดหวังไว้


และมีมุมมองเป็นบวก (Slightly Positive) ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แม้เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด แต่ประเทศที่สำคัญในตลาดหุ้นเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากทั้งเศรษฐกิจภายในที่ฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ การส่งออกที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2024 และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงทำให้ธนาคารกลางอาจใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายกระตุ้นเศรษฐกิจได้



คำแนะนำการลงทุนกองทุนรวมหุ้นจีนและเอเชีย

• การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจีน เช่น กองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CCTV และ K-CHX มีมุมมอง Neutral โดยมีคำแนะนำ ดังนี้

o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน หรือมีแต่สัดส่วนน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำถือต่อ และรอจังหวะลงทุนในอนาคต

o นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน และมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำให้ทยอยขายบางส่วนเพื่อลดสัดส่วนให้ต่ำกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด


• การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเอเชีย เช่น K-ASIA, K-ASIA, K-ASIACV มีมุมมอง Slightly Positive โดยมีคำแนะนำ ดังนี้ o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นเอเชีย หรือมีแต่สัดส่วนน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำทยอยลงทุน

o นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นเอเชีย และมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำให้ถือต่อ และทยอยลงทุนเพิ่มได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, CNBC, Reuters

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”





คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer
Back to top