ผลประกอบการ Q4/2566 ที่แข็งแกร่งของ TSMC เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
TSMC ออกมาระบุว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 4/2566 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.1% หรือคิดเป็น 7.6พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 13.6% เป็น 1.96หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทได้คาดการณ์ไว้ โดยนาย Wendell Huang Vice President และ CFO ของบริษัทได้ออกมาเปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ท้าท้ายสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก แต่ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและประสิทธิภาพทำให้บริษัทได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ความต้องการด้านเทคโนโลยีที่รองรับเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ปัจจุบัน TSMC มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น Apple NVIDIA เป็นต้น
ทำไมเทคโนโลยีจึงมีบทบาทสำคัญ และเป็นหุ้นกลุ่มที่น่าลงทุนในระยะยาว
การแพร่ระบาดของโควิดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้โลกมีการพึ่งพาเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งในด้านการทำงาน การติดต่อสื่อสาร ด้านสุขภาพ ส่งผลให้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับ Mega Trend ที่สำคัญ เช่น รถยนต์ EV, AI, กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีช่วยให้มนุษย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดทรัพยากร แก้ปัญหาต่างๆ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับโลก จึงส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว เนื่องจากเทคโนโลยียังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และความต้องการใช้เทคโนโลยีในภาคธุรกิจและผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
มุมมองการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในปีนี้
• การที่เงินเฟ้อทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง และการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักที่สำคัญ เช่น Fed หรือ ECB ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกลับมาฟื้นตัวได้
• การประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มกลับมาเติบโตอีกครั้ง เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น และภาพรวมการลงทุนโดยรวม
• ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริษัท ลดต้นทุนและประหยัดทรัพยากรลง นำไปสู่การทำกำไร และมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นในระยะยาว
คำแนะนำการลงทุน
• นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น กองทุน K-ATECH, K-GTECH, K-CHANGE, K-HIT ทีม K WEALTH ยังมีมุมมอง Slightly Positive หรือมีมุมมองค่อนข้างบวก โดยสามารถถือลงทุนได้ และหาจังหวะในการทยอยสะสมในช่วงที่จังหวะตลาดย่อตัว แต่ไม่ควรมีสัดส่วนมากกว่า 30%ของเงินลงทุน
o หากมีสัดส่วนมากกว่า 30%ของเงินลงทุน และขาดทุนมากกว่า 10% แนะนำรอจังหวะที่กองทุนปรับตัวขึ้นเพื่อทยอยขายออกบางส่วน โดยนำเงินค่าขายคืนไปลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น เช่น K-PLAN3, WEALTHPLUS FUND, K-JP , K-VIETNAM เป็นต้น
• สำหรับนักลงทุนที่กังวลหรือรับความเสี่ยงได้น้อย แนะนำให้เข้าลงทุนกองทุน K-SF ที่เหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน กองทุน K-SFPLUS ที่เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน หรือกองทุน K-FIXED ที่เหมาะกับการลงทุน 1 ปีขึ้นไป