6 ก.พ. 67 ราคากองทุนหุ้นจีนและตลาดหุ้นจีน ปรับตัวขึ้นเทียบกับวันก่อนหน้าอย่างร้อนแรง หลังภาครัฐจีนแสดงออกถึงการให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นจีน
ตลาด/กองทุนหุ้นจีน ปรับตัวขึ้นเท่าไร
จากราคาปิด ณ สิ้นวันที่ 6 ก.พ. 67 ตลาดและกองทุนหุ้นจีน มีการปรับตัวขึ้นเทียบกับวันก่อนหน้าดังนี้
• ดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น Hang Seng +4.04% ดัชนีตลาดหุ้นจีน เช่น CSI 300 +3.49% และ China A50 +2.89%
• กองทุน K-CHX ซึ่งเป็นกองทุนดัชนีหุ้นจีน +3.16%
• กองทุน JPM China (กองทุนหลักของ K-CHINA) +5.07% กองทุน SICAV China A Opportunity (กองทุนที่ K-CCTV ลงทุน 48.39%ของมูลค่ากองทุน ณ 28 ธ.ค. 66) +3.66%
หากพิจารณาราคากองทุน K-CHX พบว่าราคาที่มีการปรับตัวขึ้นในวันที่ 6 ก.พ. เพียงวันเดียว ทำให้ราคากลับมาอยู่ในระดับที่สูงกว่าปลายปี 67 แล้ว
ทำไมจีน ถึงปรับตัวขึ้น
6 ก.พ. ภาครัฐจีน แสดงออกถึงการให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นจีนในรูปแบบต่างๆ ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาเชื่อมั่นอีกครั้ง หลังจากตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงมาตั้งแต่ปี 64 และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยท่าทีของภาครัฐที่ออกมาเป็นข่าวจนสร้างความเชื่อให้กับนักลงทุนหลักๆ มี 2 เรื่อง ได้แก่
• ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดการที่จะเข้าร่วมการประชุมเพื่อรับฟังการสรุปสถานการณ์ตลาดทุนจีน จากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดเงินของจีน ซึ่งแสดงถึงความเร่งด่วนและการให้ความสำคัญของภาครัฐ ที่จะเข้ามาดูแลและพยุงตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง
• CSRC หรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน เปิดเผยว่าจะให้บริษัทเซ็นทรัล หุยจิน อินเวสต์เมนต์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของรัฐบาลจีน เข้าซื้อกองทุน ETF และซื้อหุ้นในตลาดมากขึ้น เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้นภายในประเทศ รวมถึง CSRC จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ทั้งการการดำเนินนโยบายในตลาดการเงิน และการประสานงานกับนักลงทุนสถาบันทั้งภาครัฐและเอกชน
คำแนะนำการลงทุน
การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจีน เช่น กองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CCTV และ K-CHX ทีมงาน K WEALTH มีมุมมอง Neutral หรือเป็นกลาง เนื่องจากที่ผ่านมาราคาปรับตัวลงมาค่อนข้างมากซึ่งได้สะท้อนข่าวร้ายต่างๆ ไปแล้ว โอกาสที่จะปรับลงต่อจึงมีไม่มากนัก โดย K WEALTH มีคำแนะนำ ดังนี้
• นักลงทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำถือต่อ และรอจังหวะลงทุนในอนาคตได้
• นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน และมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำให้ทยอยขายบางส่วนเพื่อลดสัดส่วนให้ต่ำกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
สำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนและต้องการลงทุนเพิ่มเติม
• สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นลงทุนในกองทุนหุ้น แนะนำกองทุน K-HIT ที่เน้นลงทุนโดยคัดเลือกธีมการลงทุน (Theme) กลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) และหุ้น (Stock) ที่เหมาะสม
• สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง แนะนำกองทุน WP-ULTIMATE ที่แม้เน้นลงทุนหุ้นแต่มีการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นที่หลากหลายภูมิภาค
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”