K WEALTH / บทความ / Product Review / ธีมลงทุน 2024 ภาค 3 เตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน
07 มีนาคม 2567
5 นาที

ธีมลงทุน 2024 ภาค 3 เตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน


​​​​​​​​​​​​​​​​“

• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ได้แตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ (All-Time High) ในเดือนที่ผ่านมา สำหรับนักลงทุนที่เริ่มกังวลกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาเยอะในช่วงที่ผ่านมา วันนี้เรามีอีก 2 ธีมเพื่อเตรียมพร้อมรับความผันผวนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะข้างหน้า


• ธีมแรก: รับประโยชน์จากธนาคารกลางเตรียมลดดอกเบี้ย โดย “เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น” นั่นคือสถานการณ์ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ที่ K WEALTH คาดว่า Fed น่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก แนะนำ K-GB-A(D)


• ธีมสอง: รับมือหากท้ายที่สุดเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ความต้องการบริการทางการแพทย์ ยา เครื่องมือทางการแพทย์ ก็ยังคงเติบโตตามเทรนด์ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคต่างๆที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก แนะนำ K-GHEALTH / K-GHEALTH(UH) / KGHRMF




เผลอแปปเดียวเข้าสู่เดือนที่ 3 ของปี และตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ได้แตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ (All-Time High) ในเดือนที่ผ่านมา ท่านใดที่ได้ลงทุนตั้งแต่ต้นปีตามโพย ธีมลงทุน 2024 จากทาง K WEALTH อาทิ K-JPX-A(A) ซึ่งลงทุนในกองทุน ETF ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น TOPIX น่าจะได้กำไรไปแล้วประมาณ 10% บทความนี้ต่อเนื่องจากบทความก่อนหน้าที่เราได้แนะนำนักลงทุนไป 2 ธีม 1.หุ้น Megatrend ฟื้นตัว และ 2.ดาวรุ่งพุ่งแรงเอเชีย (คลิกที่นี่​)แต่สำหรับนักลงทุนที่เริ่มกังวลกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาเยอะในช่วงที่ผ่านมา วันนี้เรามีอีก 2 ธีมเพื่อเตรียมพร้อมรับความผันผวนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะข้างหน้า



1.ธีมรับประโยชน์จากธนาคารกลางเตรียมลดดอกเบี้ย

​เริ่มเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกช่วยกดให้อัตราเงินเฟ้อลดต่ำลงกว่าปีที่แล้วที่อยู่ในระดับสูงกว่า 8-10% จนปัจจุบันลงมาอยู่ที่ระดับ 3-4% แม้ว่ายังไม่บรรลุเป้าหมายของธนาคารกลางที่ระดับ 2% แต่อัตราดอกเบี้ย เช่น สหรัฐฯ ในระดับปัจจุบันที่ระดับเหนือ 5% มีแนวโน้มทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงอีกในระยะข้างหน้า ดังนั้น ณ ตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีมากที่เราจะเข้าลงทุนในตราสารหนี้โลกเพื่อเปิดโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มในระยะสั้น หลายๆท่านที่เคยเรียนเศรษฐศาสตร์หรือการเงินคงคุ้นเคยกับประโยคที่ว่า “เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น”นั่นคือสถานการณ์ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ที่ K WEALTH คาดว่า Fed น่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก แต่หากเราย้อนดูสถิติในรอบล่าสุดช่วงปี 2019 ราคากองทุนตราสารหนี้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีก่อน Fed จะลดดอกเบี้ยจริงในช่วงกลางปี 2019 ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยที่เรากำลังพูดถึง ก็คือ Government Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเปลี่ยนแปลงไปทุกวันมักสะท้อน “ความคาดหวัง” ผลการประชุมของธนาคารกลางล่วงหน้า ยิ่งถ้าตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนการประชุมเป็นไปในที่ทางตามที่คาดหวัง เช่น อัตราเงินเฟ้อลดลง หรืออัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันประชุมจริง และเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยต่อ ดังนั้นวันนี้เราจึงเลือก K-GB-A(D) เป็นกองทุน Top pick กองทุนรวมที่น่าสนใจสำหรับธีมนี้ กองทุนลงทุนผ่าน JPMorgan Funds – Aggregate Bond Fund I (Acc) USD เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูง (Investment Grade) ที่ออกโดยรัฐบาลต่างๆทั่วโลกรวมถึงภาคเอกชน อายุเฉลี่ย (Average duration) อยู่ที่ 6.7 ปี ตัวกองทุน K-GB-A(D) มีนโยบายจ่ายปันผลและป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ 89.91% (ข้อมูล ณ 31 ม.ค. 2024) ทาง K WEALTH เชื่อว่าไม่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยด้วยเหตุผลจาก Soft-Landing หรือ Recession ก็ย่อมเป็นผลดีต่อกองทุน K-GB-A(D) ตามเหตุผลที่ได้อธิบายไปข้างต้น



2.ธีมรับมือหากท้ายที่สุดเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ในบทความก่อนหน้าเรามีแนะนำ K-CHANGE และ K-HIT ไป ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นเติบโต หากย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้านักลงทุนกังวลผลกระทบต่อการเติบโต และการลงทุนใหม่ๆของกลุ่ม ไบโอเทคโนโลยี และ พลังงานทางเลือก ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่สูงเช่นนี้ ดังนั้นหากมีการลดดอกเบี้ย ความกังวลใน 2 กลุ่มนี้มีแนวโน้มลดลงและส่งผลบวกต่อกองทุน อย่างไรก็ตามในกรณีของ 2 กองทุนนี้เรายังต้องพิจารณาผลกระทบในช่วงเศรษฐกิจถดถอย (หากเกิดขึ้น) เพิ่มเติมด้วย ซึ่งถ้านำไปสู่การปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของหุ้นในกองทุน ก็อาจจะกลบผลบวกจากดอกเบี้ยที่ลดลง เช่นนั้นกองทุนหุ้นตัวไหนมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จริงๆในภาวะเศรษฐกิจถดถอยกันล่ะ? คำตอบคือ กลุ่ม Healthcare ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ความต้องการบริการทางการแพทย์ ยา เครื่องมือทางการแพทย์ ก็ยังคงเติบโตตามเทรนด์ประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทาง K WEALTH จึงเลือก K-GHEALTH เป็น Top pick กองทุนรวมที่น่าสนใจสำหรับธีมนี้ กองทุนลงทุนผ่าน JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund A (acc) USD กระจายลงทุนในธีมสุขภาพหลักๆ คือ บริการทางการแพทย์ เครื่องมือทางการแพทย์ ยา และไบโอเทคโนโลยี โดยภาพรวมกองทุนเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ ฐานะการเงินมั่นคง มีกำไรสุทธิ มีหุ้นเด่น อย่าง Novo Nordisk บริษัทที่ทำเกี่ยวกับยารักษาโรคเบาหวานเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในยุโรป รวมไปถึงบริษัทคู่แข่งอย่าง Eli Lilly ตลาดนี้เติบโตดีมาก โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุ ณ ปี 2014 มีผู้ป่วยโรคนี้ทั่วโลกกว่า 422 ล้านคน และสหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 643 ล้านคน ณ ปี 2030 นอกจากนี้กองทุนยังลงทุนในบริษัทยาชื่อดังอื่นๆ อาทิ AstraZeneca J&J Sanofi สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้เรามี K-GHEALTH(UH) ซึ่งผลตอบแทนนับแต่ต้นปีถึง 29 ก.พ. 2024 ทำไปได้ 9.87% เทียบกับ K-GHEALTH ทำได้ 5.03% และ KGHRMF หากนักลงทุนต้องการสิทธิลดหย่อนภาษีด้วย



Core Portfolio สัดส่วนการลงทุนที่ไม่ว่ากลุ่มไหนก็ควรมีติดพอร์ต

เราได้เน้นย้ำไปในบทความก่อนหน้าว่ากองทุนที่เราเลือกมาแนะนำทั้งหมดเป็นกองทุนคุณภาพดี มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว หมายความว่าต่อให้นักลงทุนโชคร้ายเข้าไปติดดอยในระยะสั้น แต่หากนักลงทุนถือลงทุนต่อไปในระยะยาว (แนะนำถืออย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป) NAV ก็มีแนวโน้มกลับมาเติบโตตามผลประกอบการของบริษัทที่แต่ละกองทุนไปลงทุน ดังนั้นเพื่อป้องกันความผันผวนของเงินลงทุนทั้งหมด “ในระยะสั้น” นักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปยังกองทุนผสมเป็นสัดส่วนหลัก (Core Portfolio) อาทิ WP-BALANCED มีกระจายลงทุนผ่านกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในส่วนของกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก แนะนำลงทุนในลักษณะ DCA สม่ำเสมอทุกๆเดือนหรือทุกๆไตรมาส เพราะ K WEALTH เราเชื่อว่าวินัยการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การจับจังหวะการลงทุนในกองทุนแนะนำต่างๆข้างต้น


* ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


​ ​
บทความโดย K WEALTH Trainer สุกฤษฎิ์ กิตติธนโสภณ

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!