นับตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันจากหลายปัจจัยทั้งอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมไปถึงท่าทีการคงอัตราดอกเบี้ยนานกว่าคาดของ Fed ส่งให้ดัชนี MSCI World ปรับตัวลงในระหว่างวันที่ 10-18 เม.ย. มาแล้ว 3.87% เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลงมา 3.82% และดัชนี SET ที่ปรับตัวลงมา 2.86%
กองทุน KAsset ที่มีความผันผวนเทียบกับวันก่อนหน้า ณ 17 เม.ย. 67 เช่น
• K2035RMF -3.10% K2040RMF -3.09%
• K-ASIAX -4.15% K-ATECH -4.89% K-ASIA -3.55%
• K-USXNDQ-A(D) -4.57% K-US500X-A(A) -3.44% K-CHANGE -4.10%
• K-WORLDX -3.55% K-GEMO -3.80% K-SEMQ -5.13% K-GPROP-A(D) -3.59%
โดยรายละเอียดของแต่ละปัจจัยมีดังนี้
ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน กดดันการลงทุนทั่วโลก
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. สถานกงสุลอิหร่านในเมืองหลวงประเทศซีเรียถูกโจมตี มีนายทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่อิหร่านเสียชีวิต 7 ราย ทางรัฐบาลอิหร่านยืนยันว่าเป็นการโจมตีจากอิสราเอล ต่อมาในวันที่ 13 และ 14 เม.ย. อิหร่านเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศไปยังเป้าหมายในประเทศอิสราเอลซึ่งเป็นพื้นที่ทางทหาร ซึ่ง IDF สามารถสกัดการโจมตีได้ 99% ก่อนขีปนาวุธและโดรนเข้าถึงพื้นที่อิสราเอล
ล่าสุดเช้าวันที่ 19 เม.ย. มีรายงานข่าวว่าเกิดเหตุระเบิดหลายจุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิหร่าน แต่ยังไม่มีการระบุถึงสาเหตุหรือผู้ก่อเหตุระเบิด ซึ่งทางการอิหร่านได้เปิดใช้ระบบป้องกันทางอากาศและยกเลิกเที่ยวบินหลายเที่ยวบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประธาน Fed ส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยสูงนานกว่าคาด หลังเงินเฟ้อยังไม่ลดสู่ระดับเป้าหมาย
เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ดัชนี CPI เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 3.5% (YoY) มากกว่าคาดการณ์ที่ 3.4% (YoY) และเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% (YoY) เช่นเดียวกับดัชนี Core CPI ที่เพิ่มขึ้น 3.8% (YoY) มากกว่าคาดการณ์ที่ 3.7% (YoY) และอยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงและลดลงช้ากว่าที่คาดไว้
หลังจากนั้นในวันที่ 17 เม.ย. นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ส่งสัญญาณผ่านการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ในการเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาดการณ์ และยังไม่มีความคืบหน้าในการปรับลงสู่ระดับเป้าหมายที่ระดับ 2% และบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่จุดที่คณะกรรมการมั่นใจอาจใช้เวลานานขึ้น
J.P. Morgan ปรับเป้าดัชนี SET เหลือ 1,500 จุด
J.P. Morgan ปรับลดคาดการณ์ดัชนี SET ปีนี้เหลือ 1,500 จุด จากเดิมคาดไว้ที่ 1,700 จุด โดยระบุว่ากิจการทางเศรษฐกิจอ่อนแอลง แม้ภาคท่องเที่ยวจะช่วยหนุนการเติบโตแต่เห็นความอ่อนแอของภาคการผลิต รวมถึงการใช้จ่ายสาธารณะและการเติบโตของสินเชื่อที่ติดลบ อย่างไรก็ตามยังมีการระบุถึงปัจจัยบวกโดยเห็นความต้องการจากต่างประเทศในส่วนภาคการผลิตรถยนต์ EV และเทคโนโลยี
ผลกระทบจากปัจจัยกดดันต่อตลาดการลงทุน
ทั้งอิสราเอลและอิหร่านเผยท่าทีชัดว่าจะโจมตีตอบโต้กลับหากถูกโจมตี ทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางยังดำเนินต่อไป ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าสถานการณ์นี้จะจบลงอย่างไร ทำให้ปัจจัยนี้เป็นแรงกดดันหลักต่อตลาดการลงทุนทั่วโลกในระยะต่อจากนี้
นอกจากประเด็นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ตลาดการลงทุนทั่วโลกยังถูกกดดันด้วยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดการณ์และสะท้อนค่อนข้างชัดว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงช้ากว่าที่คาดไว้ อีกทั้งยังตอกย้ำด้วยการแถลงจากประธาน Fed ที่เผยว่ามีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้นานกว่าที่คาด จนกว่าจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างชัดเจนแล้ว
ส่วนตลาดหุ้นไทยนอกจากเผชิญปัจจัยกดดันจากภายนอกทั้งความตึงเครียดในตะวันออกกลางและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed แล้ว ยังมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ทำให้สถาบันการเงินต่างปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจและคาดการณ์ดัชนี SET ในปีนี้
มุมมองการลงทุนกองทุนรวมหุ้นโลก สหรัฐฯ และเอเชีย
K WEALTH มองว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังมีความไม่ชัดเจนอย่างมากและเป็นความเสี่ยงต่อการลงทุนในตราสารทุน ซึ่งหากสถานการณ์ขยายวงกว้างในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยคงอยู่ในระดับสูงนานยิ่งขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสชะลอตัวลง ซึ่งเป็นแรงกดดันไปทุกภูมิภาคทั่วโลกรวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นโลก สหรัฐฯ และเอเชีย
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว และความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะนำให้ทยอยสะสมกองทุนรวมผสมที่กระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์และมีผู้จัดการกองทุนปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวม
มุมมองการลงทุนกองทุนรวมหุ้นไทย
K WEALTH ยังมีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนกองทุนรวมหุ้นไทย โดยในระยะสั้นยังมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกทั้งความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านและการคงอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่นานกว่าคาด และมีแรงกดดันจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยหนุนในอนาคตจากการผ่านร่างงบประมาณที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายสาธารณะ ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนและผลต่อเศรษฐกิจจากปัจจัยนี้
คำแนะนำการลงทุน
ด้วยความไม่แน่นอนที่ยังไม่มีความชัดเจน สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว และความเสี่ยงได้ปานกลาง-สูง แนะนำให้ทยอยสะสมกองทุนรวมผสมที่กระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์และมีผู้จัดการกองทุนปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวม
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เเนะนําทยอยลงทุนกองทุน K-WPULTIMATE
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เเนะนําทยอยลงทุนกองทุน K-WPSPEEDUP หรือ K-WPBALANCED
- ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำทยอยลงทุนกองทุน K-FIXEDPLUS หรือ K-SFPLUS
ขอขอบคุณข้อมูลจาก CNN, Investing
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”