เชื่อได้ไงว่าหุ้น Mega Trend จะโต

หุ้น Mega Trend คืออะไร น่าสนใจอย่างไร ตอนนี้ใช่จังหวะเข้าลงทุนในหุ้น Mega Trend แล้วหรือยัง บทความนี้จะช่วยคุณตัดสินใจลงทุนในหุ้น Mega Trend ได้อย่างเหมาะสม

• ธุรกิจในกลุ่ม Mega Trend เกี่ยวข้องกับ สินค้าและบริการที่อยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงโลกหรือมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในระยะข้างหน้า ซึ่งมักมีความต้องการสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจมีผลประกอบการดี และทำให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น


• จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจ Mega Trend ที่ปรับตัวขึ้นมาสูงอาจเผชิญกับความผันผวน จึงแนะนำให้นักลงทุนรอซื้อเมื่อราคาย่อตัว




อะไรบ้างที่เรียกว่าเป็นธุรกิจ Mega Trend

หุ้น Mega Trend หรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกระแสความเปลี่ยนแปลงหลักของโลก กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากในปัจจุบัน สาเหตุหลักมาจาก รายได้เติบโตต่อเนื่องได้รับแรงหนุนจากเทรนด์ใหญ่ๆ ของโลก ความต้องการสินค้าและบริการที่แข็งแกร่ง ฐานลูกค้าที่กว้างขวาง เช่น


1.Technology AI (Artificial Intelligence): คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ ให้มีความสามารถเลียนแบบการทำงานของมนุษย์โดยเน้นที่กระบวนการเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจ และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้มนุษย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว


2.Health care: เนื่องจากมนุษย์มีอายุยืนขึ้นจากการที่เราหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่ง Health Care เป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพของมนุษย์ ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล พัฒนาเวชภัณฑ์ อาหารเสริม เครื่องสำอาง อุปกรณ์การแพทย์ ธุรกิจเสริมความงาม และสถานบริการแพทย์เฉพาะทาง เป็นต้น


3.Climate Change: ภาวะโลกร้อนกระตุ้นให้มนุษย์ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเติบโตขึ้น ตัวอย่างเช่น ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีการขนส่งที่ปล่อยมลพิษต่ำ รถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจที่พัฒนาเทคโนโลยีดักจับและเก็บกักคาร์บอนไดออกไซด์


4.E-commerce: หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ครอบคลุมธุรกิจหลากหลายรูปแบบที่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการซื้อขายสินค้าและบริการทำให้การซื้อขายสินค้าสะดวกยิ่งขึ้น ธุรกิจเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เช่น แพลตฟอร์ม ระบบรับชำระเงินออนไลน์ บริการขนส่งสินค้า และบริการคลังสินค้า เป็นต้น



ตัวอย่างหุ้น Mega Trend ที่น่าสนใจ

TSMC หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลกครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 61% โดยมีลูกค้าหลักคือ Nvidia และ Apple ล่าสุด TSMC ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกที่พลิกโฉมเหนือความคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทั้งรายได้และกำไรสุทธิแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากความต้องการชิปขั้นสูง โดยเฉพาะสำหรับปัญญาประดิษฐ์ที่ยังคงเติบโตอย่างร้อนแรง ปัจจัยหนุนหลักมาจากการแพร่หลายของแชทบอท (Conversational AI) เช่น ChatGPT ที่ล้วนต้องใช้ชิปประสิทธิภาพสูงในการประมวลผล ความโดดเด่นของ TSMC อยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตล้ำสมัย ปัจจุบันสามารถผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งชิปที่มีขนาดนาโนเมตรเล็กลงจะช่วยให้ประหยัดพลังงาน ทำงานได้เร็วและประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมนี้ส่งผลให้ราคาหุ้น TSMC พุ่งทะยานถึง 275.57% นับตั้งแต่ต้นปี 2019 TSMC จึงเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปัจจุบันขับเคลื่อนนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ


Eli Lilly ผู้เชี่ยวชาญด้านยาโรคเรื้อรังกำลังกลายเป็นดาวเด่นในธุรกิจยารักษาโรคด้วย เมกะเทรนด์ ผู้สูงอายุทั่วโลก ส่งผลให้โรคเรื้อรังอย่าง โรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง พุ่งสูงขึ้น กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้ Eli Lilly เติบโตอย่างต่อเนื่อง สถิติชี้ชัดสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติเผยว่า ปี 2564 มีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกถึง 537 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 643 ล้านคน ภายในปี 2573 และ 783 ล้านคน ภายในปี 2588 Eli Lilly นั้นเป็นผู้บุกเบิกยาอินซูลินสำหรับรักษาโรคเบาหวาน ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากยากลุ่มเบาหวานมากที่สุดและยังมี Zepbound ยาใหม่ที่เพิ่งได้รับอนุมัติจาก FDA เมื่อปลายปี 2023 มียอดขายในไตรมาสแรกถึง 175.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Zepbound อาจมียอดขายเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีแรก และมีโอกาสเป็นยาที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล ราคาหุ้น Eli Lilly พุ่งทะยานจาก 119.86 ดอลลาร์สหรัฐ ต้นปี 2019 สู่ 771.55 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันเติบโตถึง 543.71% สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนต่อ อนาคตสดใส Eli Lilly จึงเป็นตัวเลือกที่น่าจับตาสำหรับนักลงทุนที่มองหาธุรกิจเติบโตควบคู่กับเทรนด์ผู้สูงอายุทั่วโลก


NextEra Energy บริษัทพลังงานสัญชาติอเมริกา กลายเป็นดาวเด่นในธุรกิจพลังงาน ด้วยสถานะบริษัทโฮลดิ้งสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา สะท้อนผ่านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่สูงทั่วโลกกำลังมุ่งสู่พลังงานสะอาดเพื่อลดมลพิษและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ความต้องการพลังงานหมุนเวียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตลาดพลังงานหมุนเวียน รายงานล่าสุดจาก Allied Market Research ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของตลาดพลังงานหมุนเวียน คาดการณ์ว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 2.2 ล้านล้านดอลล่าสหรัฐ ภายในปี 2025 เติบโตเฉลี่ย 7.9% ต่อปี ระหว่างปี 2020 ถึง 2025 NextEra Energy ผู้เล่นหลักในเกมพลังงานสะอาดที่มองเห็นโอกาสนี้ เดินหน้าขยายธุรกิจขนาดใหญ่ มุ่งเน้นไปที่พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานกักเก็บ คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2030 ราคาหุ้นของ NextEra Energy พุ่งทะยานจาก 44.75 ดอลล่าสหรัฐ ต้นปี 2019 สู่ 74.58 ดอลล่าสหรัฐ ปัจจุบันเติบโตถึง 66.6%


Amazon ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซครองตลาดมายาวนาน มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) 1.751ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันอยู่อันดับ 5 ของโลก แต่ Amazon ไม่ได้จำกัดแค่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยังขยายปีกสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เติบโตเร็ว เช่น บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง โฆษณา และบริการสตรีมมิ่ง หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของ Amazon คือ การลงทุนอย่างมหาศาลในเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์หุ่นยนต์ และระบบคลาวด์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และทำให้ Amazon เป็นผู้นำด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซของโลกอย่างไม่มีใครเทียบ แนวโน้มการเติบโตของ Amazon ยังคงสดใส และด้วยอัตราการเติบโตและแนวโน้มการขยายกำไรของ Amazon ในปัจจุบัน นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดการณ์ว่ากระแสเงินสดอิสระจะแตะ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปีงบประมาณ 2026 ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 7.65 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2023 เป็น 20.35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2030 โดยมีอัตรา CAGR ที่ 15% ราคาหุ้น Amazon ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับราคา 189.5 ดอลล่าสหรัฐ จากในต้นปี 2019 ราคาอยู่ที่ 95.94 ดอลล่าสหรัฐ เติบโตถึง 97.65%



จะลงทุนไปกับ Mega Trend ได้อย่างไร

Mega Trend หรือ เทรนด์การเปลี่ยนแปลงโลกกำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว และมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน กองทุนรวมป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน Mega trend โดยกองทุนนั้นคือ


1.กองทุน K-HIT เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ Allianz Global Investors Fund กลยุทธ์การลงทุน มุ่งเน้นไปตาม Mega Trend ที่เป็นธีมยอดฮิต 5-7 ธีมในกองเดียว มีแนวโน้มเติบโตเด่น เช่น พลังงานสะอาด หรือ เฮลท์แคร์เทคโนโลยี เป็นต้น และกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลกกว่า 200 ตัว ช่วยลดความผันผวนจากภาวะตลาด เช่น Microsoft, NextEra Energy, Johnson & Johnson เป็นต้น


2.กองทุน K-CHANGE เป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Baillie Gifford Positive Change Fund มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ต่อสังคมโดยรวม หรือสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ความเท่าเทียมทางสังคม คุณภาพของระบบการดูแลสุขภาพ และด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เช่น Tesla, TSMC, Mercado Libre เป็นต้น โดยกองทุน K-CHANGE ยังมีประเภท SSF/RMF ให้เลือกลงทุนเพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีด้วย



ตอนนี้ใช่จังหวะเข้าลงทุนในหุ้น Mega Trend แล้วหรือยัง

ข้อมูลจาก K Wealth รายงานว่าดัชนี ISM Manufacturing PMI เดือน เม.ย. อยู่ที่ 49.2 จุด ต่ำกว่าคาดที่ 50 จุด สะท้อนถึงแนวโน้มในการหดตัวของภาคอุสหกรรม อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.9% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.8% และการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่ 315,000 ตำแหน่ง ปัจจัยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความร้อนแรงลดน้อยลง ด้านของเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ ที่ 3.5% ยังอยู่ห่างจากกรอบเป้าหมายที่ Fed ต้องการที่ 2% ในเรื่องของดอกเบี้ยนโยบายธนาคารกลางของสหรัฐปัจจุบันอยู่ที่ 5.25-5.50% สูงสุดในรอบ 23 ปี ล่าสุด Fed ให้มุมมองว่ายังไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. แต่ก็ยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจนในการลดดอกเบี้ย เพื่อรอพิจารณาปัจจัยในหลายๆ ส่วนให้รอบคอบกว่านี้


อัตราดอกเบี้ยที่สูงหมายถึงต้นทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นซึ่งอาจกระทบต่อผลกำไรของผู้ประกอบธุรกิจ และเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูง นักลงทุนจะหันไปฝากเงินหรือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแทนการลงทุนในตลาดหุ้น หุ้นกลุ่ม Mega Trend จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐเยอะที่สุด จากปัจจัยการเติบโตของผลประกอบการณ์ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ราคาของหุ้นกลุ่มนี้บางตัวปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์


อย่างไรก็ตาม หุ้น Mega Trend ยังคงน่าสนใจในแง่ของภาพการเติบโตในระยะยาว แต่เพื่อลดความเสี่ยงในระยะสั้นจึงแนะนำให้รอจังหวะเข้าลงทุนเมื่อราคาย่อตัว หรือเมื่อธนาคารกลางของสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณในการลดดอกเบี้ยอย่างชัดเจน เงินเฟ้อชะลอตัวลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายอย่างมีนัยยะ งบบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เศรษฐกิจภาพรวมเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดี


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : • Mreport, Nvidia, CNBC, Finance yahoo, Tipranks, Trading view




.

คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer อรรถกิจ พิมพ์ศรี
Back to top