ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นรับปัจจัยหนุนกว่า 2%
ในวันที่ 19 มิ.ย. 67 ดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้น 2.87% เช่นเดียวกับดัชนี Hang Seng China Enterprise ปรับตัวขึ้น 3.45% โดยมีกองทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงประกอบด้วยกองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D) และกองทุน K-CCTV เป็นกองทุนที่เกี่ยวข้องโดยอ้อม ขณะที่ดัชนี China A50 เคลื่อนไหวกรอบแคบปิดตลาด -0.09% โดยมีกองทุน K-CHX เป็นกองทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรง
PBOC เผยจะเปลี่ยนรูปแบบนโยบายการเงิน หวังอัดฉีดสภาพคล่องหนุนเศรษฐกิจ
ผู้ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่าธนาคารกลางจีนอาจเข้าซื้อขายพันธบัตรในตลาดรอง (Secondary Market) ท่ามกลางความกังวลต่อการเก็งกำไรในตลาดพันธบัตรที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งให้ธนาคารกลางจีนมีศักยภาพในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจมากกว่าเครื่องมือที่มีในปัจจุบัน สนับสนุนรัฐบาลระดมเงินทุนเพื่อการลงทุนและและการใช้จ่ายอื่นที่ใช้ในการหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังเผยอีกว่าธนาคารกลางจีนจะปรับรูปแบบอัตราดอกเบี้ย โดยมีแนวโน้มพิจารณาเปลี่ยนไปใช้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพียงอัตราเดียวเพื่อเป็นแนวทางให้กับตลาด และส่งสัญญาณแนวทางนโยบายการเงินที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทางการฮ่องกงเตรียมให้นักลงทุนจีนใช้เงินหยวนลงทุนหุ้นในตลาดฮ่องกง
ทางการฮ่องกงร่วมกับทางการจีนแผ่นดินใหญ่ในการศึกษาและเตรียมอนุญาตให้นักลงทุนจีนใช้เงินสกุลหยวนเพื่อเข้าซื้อหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่อกง ภายใต้โครงการ HKD-RMB Dual Counter ซึ่งในปัจจุบันมีเพียงนักลงทุนต่างชาติเท่านั้นที่สามารถเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงด้วยเงินสกุลหยวนภายใต้โครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ทางการจีนกำลังทบทวนข้อเสนอที่จะเว้นการเก็บภาษีเงินปันผลจากการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนจีนที่ลงทุนในตลาดหุ้นจะถูกเก็บภาษีเงินปันผลที่อัตรา 20%
มุมมองการลงทุน
ความเคลื่อนไหวของทางการจีนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สะท้อนสัญญาณความตั้งใจในการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและชัดเจนกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังมีตัวเลขเศรษฐกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับภาครัฐที่มีสัญญาณการฟื้นตัว ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจภาคเอกชนและประชาชนยังอ่อนแอและฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาด ดังนั้น K WEALTH จึงยังมีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อการลงทุนตลาดหุ้นจีน และยังติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนโดยรวมในระยะต่อจากนี้
คำแนะนำการลงทุนกองทุนรวมหุ้นจีน
• การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจีน เช่น กองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CCTV และ K-CHX มีมุมมอง Neutral โดยมีคำแนะนำ ดังนี้
o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน หรือมีแต่สัดส่วนน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำถือต่อ และรอจังหวะลงทุนในอนาคต
o นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน และมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำให้ทยอยขายบางส่วนเพื่อลดสัดส่วนให้ต่ำกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Yahoo, Reuters, Bloomberg
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”