ประเด็นร้อน: BoJ ขึ้นดอกเบี้ย พร้อมเผยแผนวงเงินซื้อพันธบัตร

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปที่ 0.25% จากระดับ 0.1% พร้อมมีเป้าลดวงเงินซื้อพันธบัตรในเดือน ม.ค. – มี.ค. 68 เหลือครึ่งหนึ่งของระดับปัจจุบัน โดยตั้งเป้าไว้ที่เดือนละ 3 ล้านล้านเยนต่อเดือน

• ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปที่ 0.25% จากระดับ 0.1% พร้อมมีเป้าลดวงเงินซื้อพันธบัตรในเดือน ม.ค. – มี.ค. 68 เหลือครึ่งหนึ่งของระดับปัจจุบัน โดยตั้งเป้าไว้ที่เดือนละ 3 ล้านล้านเยนต่อเดือน


• เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มเติบโตน้อยลง ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงนี้จึงอาจเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มเติม ประกอบกับอัตราส่วน P/E ที่ขึ้นมาแตะระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง K WEALTH มองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นรับข่าวปัจจัยบวกไปแล้ว และมี Upside เหลือไม่มาก จึงมีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น





BoJ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมเผยแผนลดวงเงินซื้อพันธบัตร

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปที่ 0.25% จากเดิมที่ระดับ 0.1% โดยการประชุมครั้งนี้ BoJ ได้เปิดเผยแผนการลดวงเงินซื้อพันธบัตรลงไตรมาสละ 400,000 ล้านเยน ทำให้จะลดวงเงินซื้อพันธบัตรในระหว่างเดือน ม.ค. - มี.ค. 68 ให้ลงมาเหลือ 3 ล้านล้านเยนต่อเดือน หรือเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจากวงเงินในปัจจุบัน แต่อาจเพิ่มวงเงินเข้าซื้อได้ในกรณีที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของญี่ปุ่น


ในรายงานการประชุมเผยให้เห็นว่า BoJ ปรับลดประมาณการ GDP ปีงบประมาณ 2567 ลงเหลือ 0.6% จากก่อนหน้าคาดไว้ที่ 0.8% และคงประมาณการ GDP ปีงบประมาณ 2568 ไว้ที่ 1.0%


ส่วนประมาณการดัชนี Core CPI ปี 2567 ถูกปรับลงเหลือ 2.5% จากก่อนหน้าคาดไว้ที่ 2.8% แต่ปรับเพิ่มประมาณการดัชนี Core CPI ปี 2568 จาก 1.9% ไปที่ 2.1%



มุมมองการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น

เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มมีสัญญาณการเติบโตที่ลดลงตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนชัดผ่านการปรับลดประมาณการ GDP ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ BoJ ยังต้องจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อสูงและเงินเยนที่อ่อนค่า ทำให้ต้องใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดวงเงินซื้อพันธบัตร ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้


เมื่อประกอบกับอัตราส่วน P/E ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ขึ้นมาแตะระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง K WEALTH มองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นรับข่าวปัจจัยบวกไปแล้ว และมี Upside เหลือไม่มาก จึงมีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น



คำแนะนำการลงทุนกองทุนรวมหุ้นญี่ปุ่น

• คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นญี่ปุ่น เช่น กองทุน K-JPX-A(A) และ K-JP-A(D) ดังนี้

o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น แนะนำลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น

o นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นญี่ปุ่น แนะนำถือลงทุนต่อ หรือหากมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำให้ทยอยขายทำกำไร



สำหรับกองทุนแนะนำอื่น มีดังนี้

• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น o หากไม่สามารถรับความเสี่ยงการลงทุนต่างประเทศได้ แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-FIXED-A ถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี o ชอบกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศบางส่วน แนะนำพิจารณาลงทุน K-FIXEDPLUS แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี


• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น และไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง หรือกองทุน K-SFPLUS เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Investing, Bloomberg, CNBC

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer
Back to top