ประเด็นร้อน: ตลาดหุ้นจีน และราคาน้ำมันดีดตัว

ตลาดหุ้นจีน Hang Seng ปรับตัวขึ้น จากประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้านี้ ทางด้านราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหวั่นอิสราเอลโจมตีคลังน้ำมันอิหร่าน

• เช้าวันนี้ 4 ต.ค. ตลาดหุ้นจีน Hang Seng ปรับตัวขึ้น 2% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเทศกาลหยุดยาว (Golden Week) รวมทั้งมีรายงานความเชื่อมั่นนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น หลัง Hedge Fund ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดจีน ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามผลลัพธ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนว่าจะเป็นไปตามที่คาดมากน้อยขนาดไหน ก่อนที่จะเข้าลงทุน


• ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้น 73 ดอลลาร์ สงครามยกระดับ หวั่นอิสรเอลโจมตีคลังน้ำมันของอิหร่าน





ตลาดหุ้นจีน(Hang Seng) ปรับตัวขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงก่อนวันชาติจีนที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ดัชนี Hang Seng (HSI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในช่วงวันที่ 24 – 26 กันยายน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเทศกาลหยุดยาว (Golden Week) มาตรการเหล่านี้รวมถึงการปรับลดอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมาย การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การลดเงินดาวน์ขั้นต่ำสำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง และการแจกจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับกลุ่มเปราะบาง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทางการจีนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและบรรลุเป้าหมาย GDP ที่ตั้งไว้ที่ 5%


มีรายงานเพิ่มเติมว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากบรรดา Hedge Fund ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดจีน ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนนี้อาจยาวนานหลายเดือน หากรัฐบาลออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์นี้เป็นช่วงวันหยุดทำการของตลาดหุ้นจีน ทำให้ NAV กองทุนหุ้นจีนหลายกองทุนยังไม่สะท้อนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโดยรวม ที่ผ่านมา โดย ณ 2 ต.ค. 67 มีเพียงกองทุน K-CHINA ที่มีการประกาศ NAV ที่ได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของในช่วงวันที่ 1-2 ต.ค. 67 ซึ่งมีการปรับตัวขึ้น 6.88% เทียบกับวันที่ 30 ต.ค. 67 และคาดว่า NAV ณ วันที่ 8 ต.ค. 67 ของกองทุน K-CCTV K-CHX จะมี %การเปลี่ยนแปลง มากกว่าปกติ จากการรับรู้ความเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวมระหว่าง 1-7 ต.ค. 68 ผู้ลงทุนที่กองทุนหุ้นจีน จึงยังไม่ต้องกังวลใจ หากพบว่าราคากองทุนที่ถืออยู่ที่แสดงบน Platform ต่างๆ มีการเคลื่อนไหวเทียบกับวันทำการก่อนหน้ามากกว่าปกติ



มุมมองการลงทุน

K WEALTH มีมุมมอง Neutral ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีนและกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CHINA K-CCTV K-CHX โดยเริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังรัฐบาลจีนแสดงความชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงินและการคลังและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นจีนที่มีมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามรายละเอียดในแต่ละมาตรการว่าจะให้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวังมากน้อยเพียงใด และการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนในตลาดหุ้นจีนจะเข้ามาต่อเนื่องอย่างมีนัยยะหรือไม่



ราคาน้ำมันดีตตัวแตะเหนือระดับ 73 ดอลลาร์

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากองทุน Invesco DB Oil Fund ปรับตัวขึ้น 8.83% (ข้อมูล ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2567) ซึ่งเป็นกองทุนหลังของกองทุน K-OIL เป็นผลมาจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น


อีกทั้งราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งกว่า 5% เหนือระดับ 73 ดอลลาร์ (ณ วันที่ 4 ตุลาคม2567) หลังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กำลังหารือกับอิสราเอลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการโจมตีคลังน้ำมันของอิหร่าน


โดยนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าหากการโจมตีดังกล่าวทำให้ผู้ค้าน้ำมันเกิดความกังวลเกี่ยวกับการปิดช่องแคบฮอร์มุซ และมีการเพิ่มค่าพรีเมียมความเสี่ยงเข้าไปในราคาน้ำมัน มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับ 200 ดอลลาร์/บาร์เรล


ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นราว 7% ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความวิตกต่อการที่อิสราเอลอาจโจมตีคลังน้ำมันของอิหร่านเพื่อตอบโต้ต่อการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกไปยังอิสราเอล



คำแนะนำจาก K WEALTH

สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีนไม่เกิน 30% และกองทุนน้ำมันไม่เกิน 15% ยังคงสามารถถือต่อได้ แต่หากมีมากกว่า 30% หรือ 15% ตามลำดับ แนะนำให้ทยอยสับเปลี่ยนออกเพื่อลดสัดส่วนลง โดยกองทุนปลายทางหรือหากมีเงินที่ต้องการลงทุนเพิ่ม K WEALTH ขอแนะนำดังนี้


• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน

o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่

 กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ

 กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้


• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ

o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน

o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH
Back to top