หุ้น Defensive ทางเลือก ยุคหุ้นเทคแพง เศรษฐกิจแผ่ว

ช่วงเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว สัญญาณแรกที่นักลงทุนควรจับตาคือข้อมูลในภาคอสังหาฯ จากนั้นเป็นตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้า กำไรบริษัท และการจ้างงาน ส่งให้ธนาคารกลางต้องลดดอกเบี้ย และส่งผลดีต่อหุ้น Defensive

• ในช่วงเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว สัญญาณแรกที่นักลงทุนควรจับตาคือข้อมูลในภาคอสังหาฯ จากนั้นเป็นตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้า กำไรบริษัท และการจ้างงาน ส่งให้ธนาคารกลางต้องลดดอกเบี้ย และส่งผลดีต่อหุ้น Defensive


• ในช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว (Slowdown) หรือถดถอย (Recession) โดยเฉพาะเมื่อปี 2008-2009 และปี 2020 เห็นชัดว่าหุ้นกลุ่ม Defensive ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นกลุ่ม Cyclical ซึ่งพึ่งพาภาวะเศรษฐกิจ ทำให้การลงทุนหุ้นกลุ่ม Defensive เป็นทางเลือกสำหรับการกระจายความเสี่ยงในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวน มีแรงกดดันต่อการทำธุรกิจ




ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ จะลงทุนหุ้นกลุ่ม Growth ก็เริ่มกังวลว่าขึ้นมาสูงเกินไปหรือยัง หุ้นกลุ่ม Cyclical ก็อาจโดนผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ แล้วยังมีหุ้นกลุ่มไหนที่ยังน่าสนใจอีกบ้าง? ขอบอกเลยว่ายังมีหุ้นกลุ่ม Defensive ที่อาจเหมาะกับช่วงเวลานี้มากกว่ากลุ่มอื่น โดยหุ้นเหล่านี้เป็นบริษัทที่มีความมั่นคงและรายได้สม่ำเสมอ ช่วยคว้าโอกาสสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุนไปพร้อมกัน



I: ประมาณการเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง

เมื่อเดือน ก.ค. IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกปี 2024 จะเติบโตที่ 3.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการครั้งก่อนหน้า แต่ยังคงเติบโตในระดับต่ำเมื่อเทียบกับศักยภาพในอดีต เนื่องจากแรงกดดันจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและการถอนนโยบายการคลังท่ามกลางหนี้สาธารณะที่สูง ส่งผลให้หลายประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทายในการกระตุ้นการเติบโต


แต่แล้วก็เริ่มมีสัญญาณออกมาผ่านประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจในการประชุม Fed ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย. โดยมีการปรับลดประมาณการ GDP สหรัฐฯ ปี 2024 ลงมาที่ 2.0% จากครั้งก่อนที่ 2.1% แถมอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.4% ในปี 2024 จากระดับ 4.0% ในการคาดการณ์ครั้งก่อน


อาจบอกได้ชัดเจนมากขึ้นว่า “เศรษฐกิจเริ่มมีภาวะชะลอตัวบ้างแล้ว” และแน่นอนว่าด้วยขนาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก ถ้าหากมีการชะลอตัวลงหรือมีอุบัติเหตุอะไร ทั่วโลกย่อมรับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


II: ตัวเลขเศรษฐกิจกลุ่มไหนจะส่งสัญญาณก่อนและหลัง


ตามหลักการแล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจกลุ่มอสังหาฯ (Housing) มักเป็นกลุ่มแรกที่อ่อนแอก่อน จากนั้นตามด้วยคำสั่งซื้อ (Orders) จากนั้นเป็นกำไรบริษัท (Profit) และสุดท้ายเป็นการจ้างงาน (Employment) ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการชะลอตัว ดังนั้นจึงควรติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอสังหาฯ



Source: mba.org


อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นมาในช่วงปี 2022-2023 ส่งผลชัดเจนว่าทำให้ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวลง สะท้อนผ่าน Purchase Index และ Refinance Index ที่ลดลง



Source: Investing.com


ยังคงขยายตัวสลับหดตัวซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวปกติ ไม่ได้มีทิศทางหดตัวต่อเนื่อง ส่วนตลาดแรงงานแม้ยังไม่ถึงระดับหดตัวแต่อ่อนแอมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา


แม้อาจบอกได้ว่าเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการชะลอตัว แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางอื่นทั่วโลกเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยและส่งสัญญาณการเข้าสู่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง เพื่อสะกัดการชะลอตัวเพิ่มไปยังภาคส่วนอื่นของเศรษฐกิจ



เมื่อดอกเบี้ยลง หุ้นกลุ่ม Defensive มักทำผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นกลุ่ม Cyclical

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าช่วงเวลาต่อจากนี้เศรษฐกิจมีทิศทางชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ตามหลักการแล้วหุ้นที่น่าสนใจในสถานการณ์เช่นนั้น คือ หุ้นกลุ่ม Defensive แล้วคำถาม คือ ทำไมถึงน่าสนใจ?


จากสถิติที่ผ่านมาชี้ว่าในช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว (Slowdown) หรือถดถอย (Recession) โดยเฉพาะเมื่อปี 2008-2009 และปี 2020 เห็นชัดว่าหุ้นกลุ่ม Defensive ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นกลุ่ม Cyclical ซึ่งพึ่งพาภาวะเศรษฐกิจ ทำให้การลงทุนหุ้นกลุ่ม Defensive เป็นทางเลือกสำหรับการกระจายความเสี่ยงในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวน มีแรงกดดันต่อการทำธุรกิจ


เชื่อว่านักลงทุนหลายคนอาจคุ้นเคยกับหุ้นที่เติบโตสูงๆ มีโมเดลธุรกิจสุดล้ำ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี แต่สถิติเหล่านี้ชี้ชัดว่าหุ้นกลุ่ม Defensive ก็มีความน่าสนใจมากในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวแถมมีการลดอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน



อะไรทำให้หุ้นกลุ่ม Defensive น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจเช่นนั้น

คำถามต่อมาก็คือ หุ้นกลุ่ม Defensive มีคุณสมบัติอะไรที่ทำให้น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจเช่นนั้น คำตอบง่ายๆ แต่ชัดเจน คือ บริษัทเหล่านี้มีโมเดลธุรกิจที่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ แต่จะมีลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการสม่ำเสมอ ส่งผลให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์รายได้ กำไรสุทธิ และเงินปันผลได้ชัดเจนกว่ากลุ่มอื่น และมักเป็นบริษัทที่มีคุณภาพสูงอาจมีภาพลักษณ์แบรนด์ดี สถานะการเงินที่มั่นคง (มีหนี้ต่ำ กระแสเงินสดสม่ำเสมอ) ขณะที่หุ้นกลุ่ม Cyclical หรือ Growth มักรับผลกระทบเชิงลบจากสภาพเศรษฐกิจอย่างชัดเจน


กลุ่มอุตสาหกรรมที่จัดอยู่ในประเภท Defensive เช่น สาธารณูปโภค, สินค้าอุปโภคบริโภค, การแพทย์และยารักษาโรค, บริษัทให้บริการด้านการเงินและประกัน



ตัวอย่างหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจ

• Unilever



Source: researchgate.net


บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลกที่มีความหลากหลายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นความงาม การดูแลส่วนบุคคล อาหาร และผลิตภัณฑ์สำหรับครัวเรือน มาพร้อมแบรนด์สินค้า เช่น ไอศกรีม Walls, ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า Comfort, ผลิตภัณฑ์ดูร่างกาย Axe ดำเนินการในกว่า 190 ประเทศ มีผู้บริโภครวมกว่า 3,000 ล้านคน


• Novartis


บริษัทเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก คิดค้นและพัฒนายาเพื่อยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก ความสามารถในด้านการวิจัยและพัฒนา โดยมีความโดดเด่นด้านยารักษาโรคสะเก็ดเงินและโรคข้ออักเสบ ยารักษามะเร็ง และยารักษาโรคหัวใจ


• Taiwan Semiconductor



Source: Future Investors


ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการลงทุนพัฒนาและวิจัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถผูกขาดการผลิตเซมิคอนดักเตอร์โดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ขั้นสูง สามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิ มีความได้เปรียบในการตั้งราคาและบริหารต้นทุน และที่สำคัญลูกค้าเป็นแบรนด์ระดับโลก เช่น Apple, AMD, และ NVIDIA


มาถึงตรงนี้ นักลงทุนท่านใดที่กำลังสนใจหากองทุนหุ้น Defensive มาเสริมพอร์ต K WEALTH มีกองทุนเด็ดมาฝากทุกคนกัน เช่น กองทุน KFGDIV-A, กองทุน K-GINFRA-A(D) หรือคลิกดูกันได้ที่ลิ้งค์นี้เลย: https://www.kasikornbank.com/th/kwealth/Pages/a547-t3-hyb-defensive-recession-div-kgth.aspx



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH วีรพล บางแวก
Back to top