เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2024 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอีกครั้ง สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 426 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 270,000 บาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 0.7% ปิดที่ 75.51 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ West Texas Intermediate (WTI) ลดลงมาอยู่ที่ 71.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันเป็นสัญญาณว่าการผลิตยังคงมีมากกว่าอุปสงค์ในตลาด แม้ว่าความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะเป็นปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันในช่วงก่อนหน้า
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน แต่หลังจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกในสหรัฐฯ ทำให้ราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลง รวมถึงราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตน้อยกว่าที่คาด แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการเงินและการคลังออกมา เนื่องจากมีตลาดยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
มุมมองการลงทุน
ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาจากแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ แม้ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้น แต่ความต้องการพลังงานทั่วโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคายังมีความผันผวน K WEALTH ยังคงมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในน้ำมัน โดยแนะนำให้พิจารณาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าเหมาะสมและมีรูปแบบธุรกิจพร้อมรับความไม่แน่นอน เช่น healthcare, infrastructure
• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงทุนในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น
o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
▪ กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ)
▪ กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg และ Reuters
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”
*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน
**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมด