หากคุณเป็นนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทน การลงทุนในหุ้นหรือกองทุน IPO อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ K WEALTH ขอแนะนำให้คุณทำความรู้จักกับ IPO ให้มากขึ้น เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจในการเลือกเติมสินทรัพย์เข้าพอร์ตการลงทุน
IPO คืออะไร?
IPO ย่อมาจาก Initial Public Offering คือ การเสนอขายต่อสาธารณะครั้งแรก สำหรับหุ้น IPO บริษัทเอกชนจะเป็นผู้เปิดเสนอขายครั้งแรกกับประชาชนทั่วไป ผ่านการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทจะต้องผ่านมาตรฐานตามข้อกำหนดพื้นฐานและคุณสมบัติที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้
ทำไมบริษัทถึงต้องทำ IPO?
การทำ IPO เป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทเอกชนที่เป็นของส่วนตัวหรือครอบครัวเป็นบริษัทมหาชนที่มีคนทั่วไปร่วมถือหุ้นด้วย โดยมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้: 1. ระดมทุนเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ 2. เพิ่มสภาพคล่องและสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น 3. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและโอกาสทางการเงิน 4. สร้างภาพลักษณ์และเพิ่มความน่าเชื่อถือ
การทำ IPO จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่หลายบริษัทที่มีความพร้อม เลือกใช้เพื่อยกระดับธุรกิจและสร้างโอกาสในการเติบโตในระยะยาว โดยการตัดสินใจทำ IPO บริษัทต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ทั้งความพร้อมของบริษัท สภาวะตลาด และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงผู้ถือหุ้นหรือผู้ลงทุนด้วย
ข้อดีของการลงทุนหุ้น IPO
o โอกาสซื้อหุ้นราคาต้นทุนต่ำและศักยภาพการเติบโตสูง เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว:
o หุ้น IPO ที่ผ่านมามักมีราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดในอนาคต
o บริษัทที่เข้าตลาดใหม่มักมีแผนการเติบโตชัดเจนและมีการนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปขยายกิจการ
o โอกาสการเก็งกำไรในระยะสั้น จากกระแสความสนใจของนักลงทุน :
o ตามสถิติหุ้น IPO มักได้กำไรถึง 30-40% เมื่อซื้อขายในตลาดวันแรก เพราะเมื่อมีการประกาศจองหุ้น จะมีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจ แต่จำนวนหุ้นที่เปิดจองมีจำนวนจำกัด ดังนั้นหากมีนักลงทุนเข้ามาซื้อจำนวนมาก จะช่วยดันราคาปิดพุ่งสูงขึ้นได้
ตัวอย่าง: หุ้น DELTA เข้าตลาดปี 2538 ที่ราคา 20 บาท (ปรับฐาน) ปัจจุบันราคาประมาณ 800 บาท สะท้อนการเติบโตระยะยาว ส่วนหุ้น OR เสนอขาย IPO ที่ราคา 18 บาท ในกุมภาพันธ์ 2564 ราคาพุ่งแตะ 32 บาทในวันแรกที่ซื้อขาย ให้ผลตอบแทน 77% ภายในวันเดียว
การลงทุนในหุ้น IPO มีข้อดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลรอบด้าน ประเมินความเสี่ยงบริษัทที่ลงทุนพิจารณาเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีความเข้าใจและสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน ประกอบกับการลงทุนในหุ้นมีความผันผวนสูง เพราะราคาหุ้น IPO ที่ลงทุนจะถูกขับเคลื่อนด้วยแนวโน้มของรายได้กำไรของกิจการ ความต้องการซื้อและขายของนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ด้วย
แล้วกองทุน IPO คืออะไร? แตกต่างอย่างไรกับหุ้น IPO
กองทุน IPO หรือกองทุนออกใหม่ มีความแตกต่างจาก หุ้น IPO หลักๆ คือ
• ผู้เสนอขายเป็น บลจ. (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน) ไม่ใช่บริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจ โดย บลจ.จะเปิดระดมเงินจากนักลงทุนไปลงทุนตามนโยบายที่ประกาศไว้
• กองทุน IPO มีทั้งแบบ (1) เปิดให้ซื้อขายได้หลังช่วง IPO (2) ต้องถือจนครบอายุกองทุนหรือเงื่อนไขที่กำหนด
• กองทุน IPO มีการกระจายลงทุนในสินทรัพย์ เช่น ลงทุนในหุ้น 30-50 ตัวที่มีการซื้อขายอยู่แล้วในตลาด ทำให้ความเสี่ยงจากการลงทุนน้อยกว่าลงทุนในหุ้น IPO รายตัว
การซื้อกองทุน IPO มีลักษณะและข้อดีสำหรับนักลงทุน ดังนี้:
o ค่าธรรมเนียมถูกกว่าปกติ
ช่วง กองทุน IPO มักจะมีส่วนลดค่าธรรมเนียมกองทุนหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม ทำให้มีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น
o กองทุน IPO มีนโยบายการลงทุนที่ตอบโจทย์เทรนด์เศรษฐกิจโลกในยุคปัจจุบัน
กองทุน IPO ที่เป็นกองทุนเปิด มักมีสไตล์หรือนโยบายการลงทุน ที่แปลกใหม่และแตกต่างไปจากกองทุนเดิมที่ บลจ. มีอยู่ จึงมักเป็นการลงทุนให้ทันเทรนด์ที่เป็นกระแสในตลาด ซึ่งมีโอกาสเติบโตและได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุน IPO ควรให้ความสำคัญกับนโยบายกองทุน กลยุทธ์การลงทุน แนวโน้มการเติบโต รวมถึงเป้าหมายและความเสี่ยงของการลงทุน โดยศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความของ K WEALTH “กองทุนรวม คือ อะไร ประเภทไหนเหมาะกับคุณ เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม ”
K WEALTH ขอฝาก 3 เคล็ดลับการลงทุนกองทุน IPO ดังนี้
1. พิจารณาเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยง :
ต้องการลงทุนเพื่ออะไร กองทุนประเภทไหนที่เหมาะกับตนเอง เช่น หากต้องการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว หรือกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ
2. ศึกษานโยบายการลงทุน :
กลยุทธ์การลงทุนเน้นในสินทรัพย์ใด ระดับความเสี่ยงการลงทุน อุตสาหกรรมที่ลงทุนและแนวโน้มการเติบโต เป็นต้น
3. เปรียบเทียบกองทุนประเภทเดียวกัน :
เทียบสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ ค่าธรรมเนียมกองทุน ผลการดำเนินงาน เพื่อดูว่ากองทุนไหนสามารถบริหารได้น่าสนใจที่สุด อย่างกรณีกองทุน IPO บริหารผ่านกองทุนหลักที่เป็นกองทุนต่างประเทศ สามารถดูผลการดำเนินงานได้จากเว็ปไซต์กองทุนหลักซึ่งมีข้อมูลอยู่ใน Fund Fact Sheet และผลการดำเนินควรพิจารณาราย 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เพื่อดูความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
เมื่อคุณเข้าใจหลักการของ IPO แล้ว จะเห็นว่า การลงทุนในหุ้น IPO หรือ กองทุน IPO เป็นโอกาสการลงทุน ที่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ยังต้องศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถขอคำแนะนำการลงทุนจากธนาคารกสิกรไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและบรรลุเป้าหมายทางการเงิน