ประเด็นร้อน: ตัวเลขจ้างงานสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐ เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 100,000 และต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราว

• “กระทรวงแรงงานสหรัฐ” เปิดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ต.ค. เพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 100,000 ตำแหน่ง และต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีนและมิลตันที่พัดถล่มสหรัฐ รวมทั้งการผละงานประท้วงของพนักงานบริษัทโบอิ้ง


• K WEALTH ยังคงมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในสหรัฐ โดยแนะนำให้พิจารณาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความยืดหยุ่นต่อความผันผวน เช่น Healthcare และ Infrastructure





สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. ต่ำสุดรอบเกือบ 4 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2563 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 100,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.


ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือน ก.ย.เป็นเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่ง


ทั้งนี้ การจ้างงานในเดือน ต.ค.ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีนและมิลตันที่พัดถล่มสหรัฐ รวมทั้งการประท้วงของพนักงานบริษัทโบอิ้ง


ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายเดือน เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3%



ดัชนีที่เกี่ยวข้อง

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงทันทีหลังการประกาศตัวเลขการจ้างงาน โดย S&P500 -2.19%, Dow Jones -1.32% และ NASDAQ -3.04% อย่างไรก็ตาม หลังจากตลาดรับรู้ถึงปัจจัยชั่วคราวที่ส่งผลต่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจากพายุเฮอร์ริเคนและการประท้วงของพนักงานบริษัทโบอิ้ง ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาปิดบวกในท้ายที่สุด โดย S&P500 + 0.41%, Dow Jones +0.69% และ NASDAQ +0.80%



มุมมองการลงทุน

K WEALTH ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ ตลาดหุ้นโดยรวมมีโอกาสในการเติบโตที่จำกัด เนื่องจากกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปีจากความนิยมใน AI และความคาดหวังที่สูง K WEALTH จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม Defensive และแนะนำให้พิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าเหมาะสมและมีธุรกิจที่สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ เช่น กลุ่ม Healthcare และ Infrastructure ที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนจากการเลือกตั้งและเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวในอนาคต


• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology

o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน

o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่

 กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ

 กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้


• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ

o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน

o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน



ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด