รวมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตั้งแต่หลักการทำงาน สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม พร้อมเคล็ดลับวางแผนเกษียณ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ได้คุ้มค่าที่สุด

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) คืออะไร?

รวมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตั้งแต่หลักการทำงาน สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม พร้อมเคล็ดลับวางแผนเกษียณ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ได้คุ้มค่าที่สุด

  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินให้แก่พนักงานยามเกษียณหรือออกจากงาน มีเงินสมทบจากนายจ้างที่เสมือนเป็น "เงินเดือนแฝง"
  • ออกจากงานหรือย้ายงาน สามารถเลือกโอนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปที่นายจ้างใหม่ หรือโอนไปกองทุน RMF for PVD ก็ได้ โดยไม่เสียภาษี
  • นอกจากความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวแล้ว กองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยแนะนำให้เริ่มจากการเลือกอัตราเงินสะสมให้เหมาะกับความสามารถในการออม เลือกนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ และติดตามผลการดำเนินงานของกองทุนปีละ 1-2 ครั้ง

หลายคนอาจมองว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเพียงสวัสดิการทั่วไปที่บริษัทจัดให้ แต่ความจริงแล้ว กองทุนนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยยืนยาวขึ้น และอัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน การมีเงินออมที่เพียงพอสำหรับวัยเกษียณจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้มากขึ้นกว่าเดิม


กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คืออะไร

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) คือ กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยความสมัครใจ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นสวัสดิการและหลักประกันให้แก่ลูกจ้างเมื่อออกจากงาน ไม่ว่าจะด้วยการเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต


การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นไปตาม พ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 โดยเงินที่อยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประกอบด้วย 4 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่


  1. เงินสะสม ส่วนที่หักจากเงินเดือนพนักงาน (2-15% ของเงินเดือน)
  2. ผลประโยชน์ของเงินสะสม ผลประโยชน์จากการลงทุนของเงินสะสมในส่วนของสมาชิก
  3. เงินสมทบ ส่วนที่นายจ้างจ่ายสมทบให้
  4. ผลประโยชน์ของเงินสมทบ ผลประโยชน์จากการลงทุนของเงินสมทบในส่วนของนายจ้าง

ทำไมพนักงานควรให้ความสำคัญกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

สาเหตุที่พนักงานควรให้ความสำคัญกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ได้แก่


  1. ได้เงินออมสองต่อ
    • ต่อที่ 1 คือ เงินสะสมจากตัวเอง
    • ต่อที่ 2 คือ เงินสมทบจากนายจ้าง ซึ่งถือเป็น "เงินเดือนแฝง" ที่ได้รับเพิ่มเติม
  2. สิทธิประโยชน์ทางภาษี
    • เงินสะสมของตัวเองนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของค่าจ้าง และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกลุ่มเงินออมเพื่อการเกษียณ
    • เงินที่ได้รับจากกองทุนเมื่อเกษียณอายุได้รับยกเว้นภาษี
  3. การลงทุนแบบมืออาชีพ
    • มีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการกองทุน เพื่อให้เงินงอกเงย
    • มีนโยบายการลงทุนให้เลือกตามความเหมาะสม
  4. ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์
    • ได้รับความคุ้มครองจากการเป็นกองทุนที่แยกออกจากทรัพย์สินของบริษัท บริษัทหรือเจ้าหนี้บริษัทไม่สามารถนำออกไปได้
    • มีสิทธิได้รับเงินก่อนกำหนดในกรณีพิเศษ เช่น ทุพพลภาพ เสียชีวิต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

Q1: หากลาออกจากงาน จะได้รับเงินจากกองทุนอย่างไร?

A: สิทธิในการรับเงินขึ้นอยู่กับอายุงาน


  • เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสม ได้รับเต็มจำนวนเสมอ
  • เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ ได้รับตามเงื่อนไขอายุงานที่บริษัทกำหนด

Q2: สามารถโอนย้ายเงินกองทุนไปที่ใหม่ได้หรือไม่?

A: สามารถโอนย้ายเงินกองทุนไปยังกองทุนของนายจ้างใหม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกอีกหลายทาง ได้แก่

  1. คงเงินไว้ในกองทุนเดิม
  2. โอนไปกองทุน RMF for PVD
  3. รับเงินก้อน โดยมีภาระภาษีตามเงื่อนไข

Q3: หากบริษัทล้มละลาย เงินในกองทุนจะเป็นอย่างไร?

A: เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแยกออกจากทรัพย์สินของบริษัท จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของนายจ้าง

เปรียบเทียบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับการออมรูปแบบอื่น


ตัวอย่างกองทุน RMF ที่รองรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (RMF for PVD)

สำหรับคนที่เปลี่ยนงานหรือลาออกจากงาน โดยที่ยังไม่ต้องการนำเงินออกมา ทางเลือกหนึ่งคือการย้ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากบริษัทเดิมไปลงทุนต่อในกองทุน RMF for PVD โดยมีกองทุนแนะนำดังนี้


  • กองทุน KWPBALRMF*
  • ลงทุนในหุ้น 15-45% และลงทุนในตราสารหนี้ 55-85%

    เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตมากขึ้นจากการลงทุนในหุ้นบางส่วน


  • กองทุน KWPSPEEDRMF*
  • เน้นลงทุนในหุ้น 50-80% และลงทุนในตราสารหนี้ 20-50%

    เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ไม่อยากให้พอร์ตเหวี่ยงเกินไป


  • กองทุน KWPULTIRMF*
  • เน้นลงทุนในหุ้น 70-100% และลงทุนในตราสารหนี้ 0-30%

    เหมาะกับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้สูง เพื่อโอกาสทำกำไรให้พอร์ตเติบโต


คำแนะนำในการใช้ประโยชน์จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

คนที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่อยากให้ใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้ให้มากที่สุด มีคำแนะนำดังนี้


  1. เริ่มต้นเร็ว ช่วยให้มีเงินสะสมมาก ยิ่งเริ่มออมเร็ว ยิ่งได้ประโยชน์จากผลตอบแทนทบต้น ทำให้เงินเติบโต
  2. ใส่ใจการเลือกนโยบาย เลือกนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่รับได้และปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงชีวิต
  3. ติดตามผลการดำเนินงาน ตรวจสอบผลการดำเนินงานของกองทุนปีละ 1-2 ครั้ง
  4. วางแผนภาษี ส่งเงินสะสมให้ได้มากที่สุดตามความสามารถในการออมเพื่อใช้ประโยชน์จากสิทธิลดหย่อนภาษี และมีเงินออมมากยิ่งขึ้น
  5. มองภาพรวมระยะยาว ใช้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ

การเริ่มต้นวางแผนและจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างรอบคอบตั้งแต่วันนี้จะเป็นก้าวสำคัญของการไปสู่อิสรภาพทางการเงินในวัยเกษียณอายุ เพราะยิ่งออมมาก ก็ยิ่งมีเงินไว้ใช้หลังเกษียณมากนั่นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : • บลจ.กสิกรไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)


คำเตือน

กองทุน KWPBALRMF และ KWPSPEEDRMF มีระดับความเสี่ยงที่ 5 (จากสูงสุด 8 ระดับ) ส่วนกองทุน KWPULTIRMF มีระดับความเสี่ยงที่ 6 (จากสูงสุด 8 ระดับ)

มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTHสุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

Back to top