ทำความรู้จัก LVMH สินค้า Luxury Brand ที่ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของโลก
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ LVMH กันมาบ้าง เพราะบริษัทฝรั่งเศสแห่งนี้คือเจ้าของสินค้าแบรนด์หรูหลากหลายแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในระดับโลก ซึ่งเกิดจากการควบรวมระหว่าง 3 แบรนด์ คือ แบรนด์เครื่องหนัง แบรนด์แชมเปญ และแบรนด์บรั่นดี ของ Louis Vuitton และ Moët Hennessy ในปี 1987 จะสังเกตได้ว่าชื่อตัวย่อของ LVMH นั้นมาจากแบรนด์ที่ควบรวมในเครือนั่นเอง
ปัจจุบัน LVMH ถือว่าเป็นเครือยักษ์ใหญ่ที่สามารถกวาดแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก เข้ามาอยู่ใต้อาณาจักรของตัวเองรวมแล้วกว่า 75 แบรนด์ มูลค่าของบริษัทสูงถึง 14,265,774 ล้านบาท (ณ 15/7/24) โดยมีเจ้าของอย่าง Bernard Arnault มหาเศรษฐีที่ติดอันดับต้นๆของโลกที่ยังเดินหน้าเก็บแบรนด์หรูเข้าอาณาจักรเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่อยู่เรื่อยๆ ทำให้ LVMH ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตา และควรค่าแก่การลงทุน
ส่องธุรกิจในเครือ LVMH มีอะไรบ้างนะ
สินค้า Luxury Brand ในเครือกว่า 75 แบรนด์ของ LVMH สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 6 กลุ่มธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่แบรนด์แฟชั่น อัญมณี เครื่องประดับ เครื่องสำอาง น้ำหอม นาฬิกา ไวน์ สุรา ค้าปลีก รวมถึงธุรกิจอย่างอื่น เช่น โรงแรมหรู และสื่อ
สินค้าที่สาวๆนักช้อปอย่างเราคุ้นเคยและมักรู้จักเป็นอย่างดี เช่น 1.แฟชั่น & เครื่องหนัง มี 14 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงจากประเทศต่าง ๆ ทั้ง ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และอื่น ๆ เช่น
• Louis Vuitton แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักกันดีจากกระเป๋าสะพายสีสันสดใส พร้อมกับโลโก้ LV
• Christian Dior แบรนด์หรูที่มีสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องสำอางค์
• Givenchy มีทั้งเครื่องประดับ เครื่องหนัง ไลน์โอต์กูตูร์ รวมถึง น้ำหอม เครื่องสำอางค์ โดยมี ITEM ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อย่าง กระเป๋า Givenchy รุ่น GV3 ฯลฯ
2. น้ำหอม & เครื่องสำอาง มี 15 แบรนด์ ตั้งแต่แบรนด์ Designer จนถึงแบรนด์ Niche เช่น
• Acqua Di Parma เป็นแบรนด์ผลิต น้ำหอม เทียนหอม เครื่องหนังสัญชาติอิตาลีที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย
• Maison Francis Kurkdjian แบรนด์น้ำหอมที่โด่งดังโดยเฉพาะของผู้ชาย โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า น้ำหอมที่ดี ควรจะต้องเป็นน้ำหอมที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน
3. ไวน์ & สุรา มี 27 แบรนด์ โดยจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ เช่น ไวน์ คอนญัค วิสกี้ และแชมเปญ เช่น
• Hennessy ผลิตภัณฑ์คอนญักที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยรสชาติอันล้ำลึก กลิ่นหอมละมุนที่ลงตัวของเหล้าที่ได้จากการผสมรวมกันของน้ำผลไม้อย่างดีจากฝรั่งเศสเป็นที่นิยมยาวนานกว่า 250 ปี
• Moet & Chandon หนึ่งในแชมเปญที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 40 เหรียญต่อขวด
4. นาฬิกา & อัญมณี มี 8 แบรนด์ ในหมวดเครื่องประดับ อัญมณี และนาฬิกาหรู
• Bulgari แบรนด์เครื่องประดับสุดหรูที่ขึ้นชื่อเรื่องนาฬิกาและสร้อยเพชร มี Brand Ambassador คนดังอย่าง Zendaya, Anne Hathaway และ Lisa Blackpink
• แบรนด์อัญมณีอมตะ Tiffany & Co เป็นเครื่องประดับเพชรจึงเหมาะกับการใช้งานที่ใส่ได้ทุกวัน
5. จัดจำหน่าย มี 6 แบรนด์ เช่น
• Sephora ร้านขายสินค้าความงามชั้นนำของโลก ที่มีสาขาในไทยจำนวนมาก
6. ธุรกิจอื่น ๆ มี 5 แบรนด์ เป็นธุรกิจโรงแรมระดับไฮเอนด์ เรือยอชต์ กลุ่มธุรกิจสื่อ และสวนสนุก เช่น
• กลุ่มธุรกิจสื่อ อย่าง Groupe Les Échos-Le Parisien ที่เป็นเจ้าของสื่อดังในฝรั่งเศส 5 เจ้า คือ Le Parisien, Les Echos, Investir, Connaissance des Arts, Radio Classique
ซึ่งการควบรวมแบรนด์เหล่านี้ทำให้ LVMH กลายเป็นผู้นำในตลาดสินค้าหรูระดับโลกที่มีอิทธิพลทั้งในยุโรป, เอเชีย และอเมริกา
รายได้ของ LVMH ในหลายปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ปี 2023: รายได้อยู่ที่ประมาณ 9.3 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 17% จากปี 2022 ราคาหุ้นโต 7.9% ปี 2022: รายได้อยู่ที่ 7.9 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน ราคาหุ้นปรับลง -6.48% ปี 2021: รายได้อยู่ที่ 6.4 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อน ราคาหุ้นโต 42.3% สำหรับปี 2024 รายได้ 9 เดือนแรกแม้จะพลาดเป้าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่รายได้รวมก็ยังอยู่ราวๆ 6 หมื่นล้านยูโร ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุที่รายได้เติบโตลดลงหลักๆมาจากผู้บริโภคในจีนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่เจอผลกระทบของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคในจีนที่เป็นกลุ่มรายได้ระดับกลางไม่มั่นใจในรายได้ระยะข้างหน้าจึงชะลอการซื้อสินค้าหรูหรา รวมถึงผู้บริโภคจีนบางกลุ่มเริ่มมีทัศนคติต่อสินค้าแบรนด์เนมไฮเอนด์เปลี่ยนไปหันไปเน้นการลงทุนสร้างประสบการณ์ส่วนตัวทางด้านสุขภาพและจิตใจมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมรายได้ของ LVMH ช่วง 9 เดือนนี้มีแรงหนุนจากทางฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ที่เติบโตขึ้นเล็กน้อย ส่วนญี่ปุ่นรายได้ของ LVMH เติบโต 36% อานิสงส์นักท่องเที่ยวเดินทางไปช็อปปิงที่ญี่ปุ่น
แนวโน้มของธุรกิจเครือ LVMH
• ในแทบทุกธุรกิจของเครือ LVMH รายได้หลัก ๆ จะมาจากเอเชีย โดยเฉพาะจีน
• ในธุรกิจไวน์และสุรา รายได้มาจากสหรัฐฯประมาณ 37% มากกว่าเอเชียที่อยู่ระดับ 20%
• ในธุรกิจแฟชั่น และ น้ำหอม/เครื่องสำอาง รายได้มาจากเอเชียสูงเกิน 30% แม้รายได้ภาพรวมต่อจากนี้จะได้รับผลกระทบจากผู้บริโภคในจีนมีความต้องการการซื้อสินค้า Luxury ลดลง แต่พบว่ามีบางกลุ่มประเทศตลาด Luxury Brand กำลังเติบโตได้ดีในประเทศกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะอินเดียที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มหาศาล ด้วยจำนวนประชากรที่มากเป็นอันดับ 1 ของโลกแซงหน้าจีนไปเรียบร้อยแล้ว สะท้อนจากแบรนด์ Dior ที่เลือกจัดแฟชั่นโชว์ที่เมืองมุมไบในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดแบรนด์หรูกลุ่มคนมีเงินในอินเดียนั้นมีมากพอที่พวกเขาจะให้ความสำคัญ
ขณะที่แนวโน้มตลาด Luxury ในสหรัฐฯกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่เป็นแรงหนุนที่สำคัญที่ทำให้ตลาด Luxury มีโอกาสขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยกลุ่ม Gen Z กำลังกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของ แบรนด์ Luxury มากขึ้น ด้วยค่านิยมที่อินฟูเอนเซอร์มีอิทธิพลในการช่วยตัดสินใจซื้อ รวมถึงวิดีโอสั้นๆ แบบการเล่าเรื่องประเภท Storytime เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่ม Gen Z ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะซื้อสินค้าหลังจากดูวิดีโอดังกล่าว ซึ่งกลวิธีการตลาดเหล่านี้ เป็นแนวทางการเจาะตลาดที่ LVMH มีความถนัดเป็นอย่างดี
จุดแข็งสำคัญที่ทำให้ LVMH แตกต่างจากคู่แข่ง
• LVMH มีความหลากหลายของแบรนด์ แบรนด์แต่ละแบรนด์มีความแข็งแกร่งอยู่มาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ทำให้คู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาแข่งขันได้ยาก
• สินค้ากระจายตัวทั่วโลก มีความได้เปรียบด้านการกระจายสินค้าไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ทำให้กำไรเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ
• มีกลยุทธ์การตลาดที่ดี ทำให้สินค้ามีความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ ส่งผลให้บริษัทมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าที่สูงมาก โดยสามารถขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ยได้ปีละประมาณ 2 - 5% ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงราว 70%
• กลยุทธ์เน้นควบรวมกิจการแบรนด์หรูรายอื่น ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสินค้าหรูทั่วโลกที่ราว 59%
กล่าวได้ว่า แบรนด์ LVMH เป็นตัวแทนของความหรูหรา ความสำเร็จ มีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมระดับโลกและมีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะยาว
โอกาสการลงทุนกับ LVMH สำหรับนักลงทุนไทย
นักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนในหุ้น LVMH ได้ผ่านหลายช่องทาง เช่น การซื้อหุ้นโดยตรงในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือการลงทุนง่ายๆผ่านกองทุนรวมที่มีการถือครองหุ้น LVMH และหุ้น Luxury Brand อื่นๆ ทาง K WEALTH ขอแนะนำกองทุน KT-LUXURY-A จาก บลจ. KTAM เป็นทางเลือก ที่มีการลงทุนในหุ้น LVMH และมีการลงทุนในหุ้น Luxury Brand แทบทุก Segment มีการกระจายความเสี่ยงไปในหลายประเทศ เนื่องจากกองทุนนี้จัดเป็นประเภทหุ้นทั่วโลก กองทุนหลัก Pictet Premium Brands I USD สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นทั้งระยะสั้นและระยะยาว ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 9.71% (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ธ.ค. 67)
• KT-LUXURY-A: มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
• ความเสี่ยงกองทุน ระดับ 6
• ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน : T+5
ที่มา : FINANCIAL TIMES (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ธ.ค. 67)
* ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
อีกกองทุนแนะนำที่ลงทุนในหุ้น LVMH และมีการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีทั่วโลก K-GSELECT ที่มีการคัดเลือกหุ้นอย่างเข้มข้นจากทั่วทุกมุมโลกด้วยปัจจัยพื้นฐานรวมถึงมูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งกระบวนการสร้างพอร์ตนี้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วกว่าทศวรรษจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 4.13% ทั้งนักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องสภาวะตลาดที่จะต้องมาจับจังหวะการลงทุน มั่นใจด้วยทีมนักวิเคราะห์กว่า 80 คนที่มีประสบการณ์ทำงานมาอย่างยาวนานเฉลี่ยกว่า 19 ปี ครอบคลุมหุ้นทั่วโลกกว่า 2,500 ตัว และมีการวิเคราะห์หุ้นทุกตัวที่อยู่ในดัชนี MSCI World ซึ่งเป็นหุ้นในบริษัทของประเทศพัฒนาแล้ว โดยใช้งบประมาณในการวิจัยสูงถึง 150 ล้านเหรียญฯต่อปีเพื่อที่จะทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และมุมมองด้านการลงทุนเพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่ดีที่สุดได้
• K-GSELECT: มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
• ความเสี่ยงกองทุน ระดับ 6
• ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน : T+3
นอกจาก 2 กองทุนแนะนำนี้ทีม K WEALTH ยังมีกองทุนแนะนำอื่นๆ รวมถึงมุมมองการลงทุนในปี 2025 ให้นักลงทุนได้วางแผนการลงทุนก่อนใคร ติดตามได้จาก Website : K WEALTH บทความ Outlook 2025 Turning Volatility into Victory