Boxing Day ปีนี้ลงทุนอะไรดี
ความพิเศษของ Boxing Day: วัน Boxing Day ตรงกับวันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันที่มีความสำคัญและเต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าประทับใจ เนื่องจากเป็นวันแห่งการเปิดกล่องของขวัญหลังจากที่ได้รับของขวัญในวันคริสต์มาส ในหลายประเทศยังคงธรรมเนียมการมอบกล่องของขวัญเพื่อส่งต่อความสุขและความปรารถนาดีที่มากับเทศกาลนี้ หลายครอบครัวใช้วันนี้ในการเปิดกล่องของขวัญที่ได้รับจากคนที่ใกล้ชิด ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้เปิดในวันคริสต์มาสเพราะวันนั้นเป็นช่วงเวลาสำหรับการเฉลิมฉลองรวมกลุ่มใหญ่
ของขวัญทั่วไป vs. การลงทุน: เมื่อพูดถึงของขวัญที่คนมักจะให้กันในวัน Boxing Day โดยทั่วไปเรามักจะนึกถึงการให้สิ่งของที่มีความหมายและคุณค่า แต่หลายครั้งของขวัญเหล่านั้นอาจใช้งานได้เพียงชั่วคราว เช่น เสื้อผ้า หรือของเล่นที่อาจถูกลืมไปในไม่ช้า ในทางกลับกันการลงทุนเป็นการมอบ "ของขวัญ" ที่มีคุณค่าให้กับตัวเองในระยะยาว เพราะมันไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนในอนาคต แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะการลงทุนสามารถช่วยให้เงินเติบโตและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว
การลงทุนช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน: การลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพราะช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินและสร้างผลตอบแทนในระยะยาว นอกจากจะเป็นวิธีในการต่อยอดความมั่งคั่งแล้ว การวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบยังช่วยลดความเสี่ยงและเสริมความพร้อมในการรับมือกับความไม่แน่นอน ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายชีวิตและสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืนในอนาคต
Boxing Day ปีนี้มาแกะกล่องของขวัญโพยกองทุนเด็ด: K WEALTH ได้มีการคัดสรรกองทุนตัวเด่นมาเป็นของขวัญส่งท้ายปีให้กับทุกคน โดยมีทั้งกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ, กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ, กองทุนหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงแม้จะมีความผันผวน, และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ระยะยาวและสะสมมูลค่าทรัพย์สิน การเลือกลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าเงินทุน แต่ยังเป็นการสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงในอนาคต เพื่อให้ Boxing Day นี้กลายเป็นโอกาสในการเริ่มต้นวางแผนการเงินที่ดีเพื่ออนาคตที่มั่นคงอีกด้วย
โพยกองทุนเด่นและการจัดพอร์ตแนะนำโดย K WEALTH
นอกเหนือจากโพยกองทุนแล้ว แนวทางในการจัดพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite เป็นแนวทางที่ทาง K WEALTH เราแนะนำมาโดยตลอด เราจำเป็นต้องมีการกระจายการลงทุนทั้งใน Core Portfolio ซึ่งเป็นพอร์ตการลงทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนในระยะยาว และ Satellite Portfolio ที่ให้นักลงทุนหาโอกาสทำกำไรในระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เพื่อช่วยให้นักลงทุนเลือกการลงทุนตามเป้าหมายที่เหมาะสม เราจึงแบ่งกองทุนแนะนำออกเป็นสามกลุ่มย่อย ได้แก่ กลุ่มการกระจายการลงทุน (Diversify), กลุ่มเติบโต (Growth) และกลุ่มปันผล (Income) พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนที่โดดเด่นในแต่ละกลุ่ม ดังนี้
2.1. Core Portfolio: คือการลงทุนที่มั่นคงและมีความเสี่ยงต่ำ โดยมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและยั่งยืนในระยะยาวด้วยสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เหมาะกับการสร้างความเสถียรให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาว การวางแผนการลงทุนที่ดีใน Core Portfolio จะช่วยให้พอร์ตของคุณมีความเสี่ยงที่สามารถจัดการได้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดจะมีความผันผวน ตัวอย่างเช่น
2.1.1 การกระจายการลงทุน (Diversify): สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน การกระจายการลงทุนสินทรัพย์ในหลายประเภทผ่านกองทุนผสมเป็นทางเลือกที่ดี เพราะกองทุนประเภทนี้มุ่งเน้นการกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อสร้างสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาวและลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด
กองทุนแนะนำ
| สัดส่วนการลงทุน
| เหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน
|
K-WPLIGHT
| ตราสารหนี้ = 60% – 80%
ตราสารทุน (หุ้น) = 10% - 30% สินทรัพย์ทางเลือก = 0% - 10%
| นักลงทุนที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนด้วยความเสี่ยงต่ำ
แต่ยังคงสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
|
K-WPBALANCED
| ตราสารหนี้ = 30% – 50%
ตราสารทุน (หุ้น) = 40% - 60%
สินทรัพย์ทางเลือก = 0% - 10%
| นักลงทุนที่ต้องการการกระจายความเสี่ยงแบบสมดุล โดยมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมทั้งในด้านของหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อให้ผลตอบแทนเติบโตในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความผันผวน
|
K-WPSPEEDUP
| ตราสารหนี้ = 5% – 25%
ตราสารทุน (หุ้น) = 75% - 95% สินทรัพย์ทางเลือก = 0% - 10%
| นักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตสูง และพร้อมรับความผันผวนของตลาดและความเสี่ยงจากการลงทุนที่ค่อนข้างสูง
|
K-WPULTIMATE
| ตราสารหนี้ = 0% – 10%
ตราสารทุน (หุ้น) = 80% - 100% สินทรัพย์ทางเลือก = 0% - 10%
| นักลงทุนที่สนใจการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว และสามารถจัดการกับความผันผวนจากการลงทุนในสินทรัพย์
ที่มีความเคลื่อนไหวรวดเร็วได้
|
2.2.Satellite Portfolio: คือการลงทุนแบบจับจังหวะตามธีมการลงทุนต่าง ๆ เน้นสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มในระยะสั้น เพื่อเสริมความเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุนหลัก (Core) โดยมักจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า แต่มีโอกาสเติบโตสูงกว่าการลงทุนใน Core Portfolio เราแบ่งการลงทุนใน Satellite Portfolio ออกเป็น 2 สายคือ
2.2.1 สายเติบโต (Growth): สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงในระยะยาวจากการเติบโตของธุรกิจ กองทุนประเภทนี้มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่ม เทคโนโลยี, Healthcare, และ ประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่มีการขยายตัวเร็ว อาจมีความผันผวนสูงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี
กองทุนแนะนำ
• K-VIETNAM:
o ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีโอกาสเติบโตไปตามภาพเศรษฐกิจเวียดนามที่มีศักยภาพการเติบโตแบบก้าวกระโดด
o ได้รับอานิสงส์จากการบริโภคภายในประเทศและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
o มูลค่าตลาดหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี และมีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะปรับเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นเวียดนามในปี 2025 เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นรวมถึงปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
• K-GHEALTH:
o เน้นการลงทุนในกลุ่ม Healthcare ทั่วโลกที่หลากหลายเช่น เวชภัณฑ์, เทคโนโลยีชีวภาพ และบริการด้านสุขภาพ
o ด้วยความเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ทำให้บริษัทในกลุ่มนี้มีความยืดหยุ่นและได้รับผลกระทบไม่มากนัก สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในตลาดช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีความไม่แน่นอน
o ได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นตามเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ
• K-GTECH:
o ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก ทั้งบริษัทขนาดเล็กและใหญ่
o เน้นลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูง พร้อมระดับราคาหุ้นที่เหมาะสม
o เกาะธีมการเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยี AI และ Cloud Computing
• K-GINCOME-A:
o กองทุนผสมที่ลงทุนทั้งตราสารหนี้และหุ้น แต่อาจจะมีความผันผวนมากกว่ากองผสมทั่วไป
o ตราสารหนี้ลงทุนในบริษัทที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูง, หุ้นส่วนใหญ่จะลงทุนในสหรัฐและยุโรป โดยเน้นที่กลุ่มบริษัทที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และมีราคาหุ้นที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจ
o การลงทุนที่กระจายทั้งหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและลดความผันผวน
• K-USA:
o ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
o กระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเติบโตสูง
o ความน่าสนใจ: ตอบโจทย์การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่งและน่าสนใจในระยะยาว
• K-HIT-A(A):
o ลงทุนในธีม Megatrend ที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น Digital Economy, Green Energy
o กระจายการลงทุนในบริษัท 150-200 แห่ง ลดความเสี่ยงจากหุ้นรายตัว
o ความน่าสนใจ: ผลตอบแทนระยะยาวดีกว่าดัชนีอ้างอิง
2.2.2 สายปันผลและพักเงิน (Income & Money Market): สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนที่มั่นคงและสม่ำเสมอ กองทุนประเภทนี้มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ รายได้ประจำ เช่น ตราสารหนี้ และ หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง หรือ หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งช่วยสร้างรายได้สม่ำเสมอ รวมถึงกองทุนในตลาดเงิน ที่เป็นตราสารหนี้หรือเงินฝากระยะสั้นที่คอยช่วยในการจัดการสภาพคล่องให้กับพอร์ตการลงทุน
กองทุนแนะนำ
• K-GB-A(D):
o ลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ และยุโรป
o ได้รับผลตอบแทนมั่นคงในระยะยาว
o อัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกอยู่ในทิศทางขาลง เพิ่มโอกาส Capital Gain
• K-GINFRA-A(D):
o ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Global Infrastructure เช่น ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ทำสัญญากับรัฐบาล
o มีอัตราการปันผลเฉลี่ยสูงถึง 4%
o ระดับราคาหุ้น (Valuation) ยังไม่สูง และเหมาะสำหรับรับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
• K-SF-A:
o ลงทุนในเงินฝากประจำอายุ 1 ปี ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนอายุ 1 ปี ทั้งในและต่างประเทศ
o มีความเสี่ยงต่ำ โดยเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของไทยที่มีเครดิตที่น่าเชื่อถือและอยู่ในระดับที่น่าลงทุน
o เหมาะสำหรับการพักเงินระยะสั้น
ชุดของขวัญจากทาง K WEALTH
เนื่องในโอกาสส่งท้ายปี K WEALTH ได้จัดเตรียมชุดของขวัญการลงทุนเป็นตัวอย่างการจัดพอร์ตลงทุนที่รวบรวมกองทุนคุณภาพไว้ ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อสำหรับตนเองหรือมอบให้กับคนใกล้ชิด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการลงทุนที่มีศักยภาพ ทั้งการเติบโตระยะยาวและการสร้างรายได้สม่ำเสมอจากกองทุน ที่เหมาะสมกับทุกสไตล์การลงทุน และเปิดโอกาสในการเติบโตและความมั่นคงทางการเงินในปีหน้า โดยจะแบ่งตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้
ตัวอย่างพอร์ตการลงทุน
| ลักษณะการลงทุน
|
| 1.Conservative (การลงทุนแบบเสี่ยงต่ำ)
• เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรักษาเงินต้นเป็นหลักและรับความเสี่ยงได้ต่ำ • กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ โดยมุ่งเน้นไปที่ความผันผวนต่ำเป็นหลัก • ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวและไม่ผันผวนมาก
|
| 2.Moderate (การลงทุนแบบเสี่ยงปานกลาง)
• เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นเล็กน้อยพร้อมรับความเสี่ยงปานกลาง
• ลงทุนในสินทรัพย์ที่ผสมผสานระหว่างหุ้นและตราสารหนี้มากขึ้น • สามารถยอมรับความผันผวนในระยะสั้นได้ แต่ยังคงต้องการความมั่นคงในระยะยาว
|
| 3.Aggressive (การลงทุนแบบเสี่ยงสูง)
• เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและพร้อมรับความเสี่ยงสูงได้เช่นกัน 3.Aggressive (การลงทุนแบบเสี่ยงสูง) • เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและพร้อมรับความเสี่ยงสูงได้เช่นกัน • มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและความผันผวนระดับสูง • ต้องการผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงในระยะสั้น
|
หากสนใจการลงทุนแบบนี้ สามารถเริ่มต้นลงทุนอย่างสะดวกผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพียงแค่ใช้ K PLUS แอปพลิเคชันที่มาพร้อมฟังก์ชันการซื้อขายกองทุนได้ทุกที่ทุกเวลา หรือเลือกใช้ K-My Funds เพื่อช่วยบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนได้อย่างง่ายดาย พร้อมฟีเจอร์การติดตามผลตอบแทนและคำแนะนำในการลงทุนที่สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังสามารถทำธุรกรรมผ่านธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา โดยมีทีมงานพร้อมให้คำแนะนำการลงทุนอย่างมืออาชีพ และเพื่อไม่พลาดข่าวสารสำคัญที่ส่งผลต่อการลงทุน สามารถติดตาม มุมมองและข้อมูลการลงทุน ที่อัปเดตตลอดเวลาจาก เว็บไซต์ K WEALTH ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจการลงทุนได้อย่างมั่นใจและทันเหตุการณ์
ที่มา: KAsset, KBank