ใครคือคนรวยที่สุดในโลก? เจาะลึกโปรไฟล์มหาเศรษฐีและกลยุทธ์สร้างความมั่งคั่งและธุรกิจที่สร้างตำนานให้มหาเศรษฐีระดับโลก อัปเดตล่าสุดปี 2025

เปิดรายชื่อคนรวยที่สุดในโลก! เจาะลึกอันดับเศรษฐีและเบื้องหลังความมั่งคั่ง

ใครคือคนรวยที่สุดในโลก? เจาะลึกโปรไฟล์มหาเศรษฐีและกลยุทธ์สร้างความมั่งคั่งและธุรกิจที่สร้างตำนานให้มหาเศรษฐีระดับโลก อัปเดตล่าสุดปี 2025

  • มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก 3 อันดับแรก (ณ 20 มกราคม 2025) ได้แก่ 1. Elon Musk มูลค่าทรัพย์สิน 433.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 2. Jeff Bezos มูลค่าทรัพย์สิน 239.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 3. Mark Zuckerberg มูลค่าทรัพย์สิน 211.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเทคโนโลยีและดิจิทัล
  • นักลงทุนที่เห็นโอกาสการเติบโตของ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลสามารถพิจารณาลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำระดับโลก หรือบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี อย่างกองทุน K-GTECH, K-HIT-A(A), K-USA-A(A)

ช่วงต้นปี 2025 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอันดับมหาเศรษฐีระดับโลก โดยความมั่งคั่งรวมของ 10 อันดับแรกทะลุ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสินค้าแบรนด์หรู


แนวโน้มความมั่งคั่งโลกปี 2025

ปัจจุบันมีมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่กว่า 2,800 คนทั่วโลก โดยแบ่งเป็น


  • 40% มาจากภาคเทคโนโลยีและดิจิทัล
  • 25% จากอุตสาหกรรมการเงินและการลงทุน
  • 20% จากสินค้าอุปโภคบริโภค
  • 15% จากอุตสาหกรรมอื่นๆ

10 อันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก

ในปี 2025 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอันดับมหาเศรษฐีระดับโลก โดยมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก 10 อันดับแรก ได้แก่


  1. Elon Musk - มูลค่าทรัพย์สิน 433.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและการสำรวจอวกาศเชิงพาณิชย์ รวมถึงเป็นเจ้าของ X (Twitter) และ The Boring Company
  2. Jeff Bezos - มูลค่าทรัพย์สิน 239.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ก่อตั้ง Amazon ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและ Cloud Computing ยักษ์ใหญ่ของโลก เจ้าของ Blue Origin บริษัทสำรวจอวกาศ และ The Washington Post
  3. Mark Zuckerberg - มูลค่าทรัพย์สิน 211.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Meta (เดิมคือ Facebook) ผู้นำด้าน Social Media และ Metaverse มุ่งเน้นการพัฒนา AI และเทคโนโลยี Virtual Reality
  4. Larry Ellison - มูลค่าทรัพย์สิน 204.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ก่อตั้ง Oracle Corporation ผู้นำด้านซอฟต์แวร์และระบบฐานข้อมูลองค์กร ขยายการลงทุนในเทคโนโลยี Cloud และ AI
  5. Bernard Arnault และครอบครัว - มูลค่าทรัพย์สิน 181.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประธานและซีอีโอของ LVMH (Louis Vuitton Moët Hennessy) เจ้าของแบรนด์หรูระดับโลกกว่า 75 แบรนด์ รวมถึง Louis Vuitton, Dior, Tiffany & Co. และ Sephora สร้างความมั่งคั่งจากการขยายอาณาจักรสินค้าหรูที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  6. Text
  7. Larry Page - มูลค่าทรัพย์สิน 161.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ร่วมก่อตั้ง Google และ Alphabet Inc. พัฒนานวัตกรรมด้าน AI และเทคโนโลยีการค้นหาข้อมูล
  8. Sergey Brin - มูลค่าทรัพย์สิน 154 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ร่วมก่อตั้ง Google และ Alphabet Inc. ร่วมกับ Larry Page ผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI และ Machine Learning
  9. Warren Buffett - มูลค่าทรัพย์สิน 146.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประธานและซีอีโอ Berkshire Hathaway นักลงทุนระดับตำนานที่สร้างความมั่งคั่งผ่านการลงทุนระยะยาวในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
  10. Steve Ballmer - มูลค่าทรัพย์สิน 126 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อดีตซีอีโอ Microsoft และเจ้าของทีม LA Clippers สร้างความมั่งคั่งจากการถือหุ้น Microsoft และการลงทุนในธุรกิจกีฬา
  11. Jensen Huang - มูลค่าทรัพย์สิน 120.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ก่อตั้งและ CEO บริษัท Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้าน GPU สำหรับเกมคอมพิวเตอร์และ AI จนมีมูลค่าตลาดทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024

ที่มา : อ้างอิงข้อมูลจาก Forbes Real-Time Billionaires ณ วันที่ 20 มกราคม 2568


ปัจจัยขับเคลื่อนความมั่งคั่งในยุคดิจิทัล

การเติบโตของ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันส่งผลให้มูลค่าบริษัทเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่ม Cloud Computing, AI และ Electric Vehicles ในขณะที่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากกำลังซื้อของผู้บริโภคระดับบนทั่วโลก


โอกาสการลงทุนสำหรับนักลงทุนทั่วไป

สำหรับนักลงทุนที่เห็นโอกาสการเติบโตของ AI และเทคโนโลยีดิจิทัล K WEALTH แนะนำให้พิจารณาลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำระดับโลก หรือบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทน โดยกองทุนแนะนำ ได้แก่


  • กองทุน K-GTECH* มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีทั่วโลก เช่น NVIDIA Corporation, Broadcom Inc., Apple Inc.
  • กองทุน K-HIT-A(A)* มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลก เน้นสร้างพอร์ตการลงทุนให้หลากหลายผ่านกลยุทธ์การคัดเลือกธีมการลงทุน กลุ่มอุตสาหกรรม และหุ้น ซึ่งการคัดเลือกจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนหลักในแต่ละช่วงเวลา เช่น Motorola Solutions Inc, JPMorgan Chase & Co, Waste Management Inc.
  • กองทุน K-USA-A(A)* ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น NVIDIA Corporation, Amazon.com, Inc., Microsoft Corporation

*ข้อมูลกองทุนหลัก ณ วันที่ 30 พ.ย. 67


การติดตามข่าวสารมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก นอกจากทำให้เห็นถึงความมั่งคั่งและธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จแล้ว ยังช่วยให้นักลงทุนเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจและเทรนด์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นและได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสม เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : • บลจ.กสิกรไทย, Forbes


คำเตือน

กองทุน K-HIT-A(A) และ K-USA-A(A) มีระดับความเสี่ยงที่ 6 (จากสูงสุด 8 ระดับ) ส่วนกองทุน K-GTECH มีระดับความเสี่ยงที่ 7 (จากสูงสุด 8 ระดับ)

กองทุน K-HIT-A(A) และ K-USA-A(A) มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ ส่วนกองทุน K-GTECH มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

K WEALTHสุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

Back to top