เข้าใจสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน พร้อมวิธีวิเคราะห์งบการเงิน คัดกรองบริษัทแข็งแกร่ง น่าลงทุน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ

สินทรัพย์หมุนเวียน vs สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน บริษัทมีแบบไหนดีกว่า

เข้าใจสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน พร้อมวิธีวิเคราะห์งบการเงิน คัดกรองบริษัทแข็งแกร่ง น่าลงทุน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ

กดฟัง
หยุด
  • การวิเคราะห์สินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนประเมินสุขภาพทางการเงินของบริษัทได้อย่างเหมาะสม โดยสินทรัพย์หมุนเวียนสะท้อนสภาพคล่องระยะสั้น ส่วนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสะท้อนศักยภาพการเติบโตระยะยาว
  • นักลงทุนควรใช้อัตราส่วนทางการเงินอย่าง Current Ratio, Quick Ratio และ Cash Ratio ในการประเมินคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่กองทุนลงทุน โดยเลือกกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนสูงในช่วงเศรษฐกิจผันผวน และเลือกกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนคุณภาพดีในการลงทุนระยะยาว
  • การกระจายการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายแตกต่างกัน เช่น กองทุน K-GINFRA-A(D) สำหรับบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสูง และกองทุน K-FIXEDPLUS-A ในช่วงตลาดผันผวน จะช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสมตามสภาวะตลาดและเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน

ในการวิเคราะห์บริษัทเพื่อตัดสินใจลงทุน นักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบสำคัญในงบการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สินทรัพย์” ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภทหลักๆ คือ สินทรัพย์หมุนเวียน และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน การเข้าใจความแตกต่างและบทบาทของสินทรัพย์ทั้งสองประเภทนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินสุขภาพทางการเงินของบริษัท และเลือกกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งได้ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจ พร้อมแนะนำวิธีวิเคราะห์เพื่อเลือกลงทุนในกองทุนรวมได้อย่างมั่นใจ


สินทรัพย์หมุนเวียนคืออะไร? ทำไมนักลงทุนต้องให้ความสำคัญ?

สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) คือ สินทรัพย์ที่คาดว่าจะเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือถูกใช้ไปภายในระยะเวลา 1 ปีหรือหนึ่งรอบระยะเวลาดำเนินงานของกิจการ สินทรัพย์หมุนเวียนแสดงถึงสภาพคล่องของบริษัท นั่นคือความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้น


ตัวอย่างสินทรัพย์หมุนเวียนที่พบบ่อยในบริษัท

  1. เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เช่น เงินในมือ เงินฝากธนาคาร และเงินลงทุนระยะสั้นที่มีสภาพคล่องสูง
  2. ลูกหนี้การค้า เงินที่ลูกค้ายังไม่ได้ชำระตามใบแจ้งหนี้
  3. สินค้าคงเหลือ สินค้าที่พร้อมขาย วัตถุดิบ และงานระหว่างทำ
  4. เงินลงทุนระยะสั้น ตราสารหนี้หรือหุ้นที่บริษัทถือไว้เพื่อการลงทุนระยะสั้น (น้อยกว่า 1 ปี)
  5. ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า การจ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับสินค้าหรือบริการที่ยังไม่ได้รับ

ความสำคัญของสินทรัพย์หมุนเวียนต่อนักลงทุน

สินทรัพย์หมุนเวียนเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ เนื่องจาก


  • สะท้อนสภาพคล่อง บริษัทที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนสูงกว่าหนี้สินหมุนเวียนมีความเสี่ยงล้มละลายต่ำ
  • แสดงประสิทธิภาพการจัดการ ปริมาณและคุณภาพของสินทรัพย์หมุนเวียนบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน
  • บ่งชี้โอกาสเติบโต บริษัทที่มีเงินสดและสินทรัพย์หมุนเวียนเพียงพอสามารถลงทุนในโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างคล่องตัว

สินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

สินทรัพย์หมุนเวียน มีอะไรบ้าง

นอกจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ลูกหนี้การค้า สินค้าคงเหลือ เงินลงทุนระยะสั้น และค่าใช้จ่ายล่วงหน้า สินทรัพย์หมุนเวียนยังรวมถึง

  1. ภาษีเงินได้จ่ายล่วงหน้า ภาษีที่จ่ายเกินและรอรับคืน
  2. สินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น เช่น ตราสารอนุพันธ์ระยะสั้น
  3. สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น เช่น สินทรัพย์ที่บริษัทตั้งใจขายภายในเวลาอันใกล้

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน มีอะไรบ้าง

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (Non-current Assets) คือ สินทรัพย์ที่จะให้ประโยชน์แก่กิจการเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 1 ปีหรือหนึ่งรอบระยะเวลาดำเนินงาน ประกอบด้วย

  1. ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ สินทรัพย์ถาวรที่มีตัวตนใช้ในการดำเนินงาน
  2. สินทรัพย์ไม่มีตัวตน เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ค่าความนิยม
  3. เงินลงทุนระยะยาว การลงทุนที่บริษัทตั้งใจถือไว้นานกว่า 1 ปี
  4. อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่ดินหรืออาคารที่ถือไว้เพื่อหารายได้จากค่าเช่าหรือการเพิ่มมูลค่า
  5. สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี สินทรัพย์ที่บริษัทสามารถขอคืนภาษีเงินได้ในอนาคต
  6. สินทรัพย์ทางการเงินไม่หมุนเวียน เช่น เงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วม
  7. สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น สินทรัพย์อื่นๆ ที่จะให้ประโยชน์แก่กิจการเกินกว่า 1 ปี
  8. สิทธิการเช่า สิทธิในการใช้ทรัพย์สินตามสัญญาเช่าระยะยาว
  9. เงินมัดจำระยะยาว เงินที่วางไว้เป็นประกันตามสัญญาระยะยาว
  10. ค่าความนิยม ส่วนเกินของราคาซื้อธุรกิจที่สูงกว่ามูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ระบุได้

ผลกระทบต่อบริษัท

สินทรัพย์หมุนเวียน ส่งผลต่อสภาพคล่องในระยะสั้น ความคล่องตัวทางการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น


สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ส่งผลต่อความสามารถในการสร้างรายได้ระยะยาว ศักยภาพในการแข่งขัน และการเติบโตในอนาคต


เปรียบเทียบสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน สำหรับนักลงทุนกองทุนรวม

ความแตกต่างหลักระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียน vs. สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน



ตัวอย่างบริษัทตามสัดส่วนสินทรัพย์


บริษัทที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนสูง
  • ธนาคารและสถาบันการเงิน สินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นเงินสด เงินให้กู้ยืมระยะสั้น
  • ธุรกิจค้าปลีก มีสินค้าคงเหลือและลูกหนี้การค้าสูง
  • บริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก/สตาร์ทอัพ มักมีเงินสดสูงเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงาน

บริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสูง
  • บริษัทพลังงานและสาธารณูปโภค มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสูง
  • อุตสาหกรรมการผลิตหนัก มีโรงงาน เครื่องจักร อุปกรณ์มูลค่าสูง
  • บริษัทอสังหาริมทรัพย์ มีที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้างเป็นสินทรัพย์หลัก

การวิเคราะห์สำหรับนักลงทุนกองทุนรวม

นักลงทุนกองทุนรวมควรพิจารณา


  1. กองทุนที่เน้นสภาพคล่อง กองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนสูง เช่น ธุรกิจธนาคาร ค้าปลีก ซึ่งมักตอบสนองต่อความผันผวนในระยะสั้นได้ดี
  2. กองทุนที่เน้นการเติบโตระยะยาว กองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสูง เช่น ธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมักมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ
  3. กองทุนผสม ให้ความสมดุลระหว่างการลงทุนในบริษัทที่มีทั้งสินทรัพย์หมุนเวียนและไม่หมุนเวียน

วิธีวิเคราะห์สินทรัพย์หมุนเวียน ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวม

การวิเคราะห์สินทรัพย์หมุนเวียนของบริษัทที่กองทุนรวมลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ โดยอาศัยอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ดังนี้


  1. อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (Current Ratio)
  2. Current Ratio = สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน

    • ค่าที่ดี มากกว่า 1.5-2 เท่า
    • การแปลความหมาย บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนเพียงพอที่จะชำระหนี้สินระยะสั้นได้ 1.5-2 เท่า
    • ตัวอย่าง บริษัท A มี Current Ratio = 2.5 เท่า หมายความว่า มีสินทรัพย์หมุนเวียน 250 บาทต่อหนี้สินหมุนเวียน 100 บาท แสดงถึงสภาพคล่องที่ดี

  3. อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว (Quick Ratio)
  4. Quick Ratio = (สินทรัพย์หมุนเวียน - สินค้าคงเหลือ) / หนี้สินหมุนเวียน

    • ค่าที่ดี มากกว่า 1 เท่า
    • การแปลความหมาย บริษัทมีสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเพียงพอต่อการชำระหนี้สินระยะสั้น โดยไม่พึ่งการขายสินค้าคงเหลือ
    • ตัวอย่าง บริษัท B มี Quick Ratio = 0.7 เท่า แสดงว่าอาจมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องหากไม่สามารถขายสินค้าคงเหลือได้ตามแผน

  5. อัตราส่วนเงินสด (Cash Ratio)
  6. Cash Ratio = เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด / หนี้สินหมุนเวียน

    • ค่าที่ดี มากกว่า 0.5 เท่า
    • การแปลความหมาย บริษัทมีเงินสดเพียงพอที่จะชำระหนี้สินระยะสั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น
    • ตัวอย่าง บริษัท C มี Cash Ratio = 0.8 เท่า แสดงถึงการมีสภาพคล่องที่ดีมาก สามารถรับมือกับภาวะตลาดที่ผันผวนได้

ตัวอย่างการวิเคราะห์เปรียบเทียบ


นัยสำคัญต่อการลงทุนกองทุนรวม

นักลงทุนควรพิจารณากองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มี

  • Current Ratio สูง ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนสูง
  • Quick Ratio และ Cash Ratio สูง ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจหรือตลาดผันผวนมาก

วิธีเลือกกองทุนรวมให้เหมาะสมกับบริษัทที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนต่างกัน

การเลือกกองทุนรวมควรสอดคล้องกับโครงสร้างสินทรัพย์ของบริษัทที่กองทุนลงทุน

  1. กองทุนหุ้นเติบโต (Growth Funds) เหมาะกับบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสูง ซึ่งมุ่งเน้นการเติบโตในระยะยาว
  2. กองทุนเงินปันผล (Dividend Funds) เหมาะกับบริษัทที่มีความสมดุลระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนและไม่หมุนเวียน ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอ
  3. กองทุนหุ้นมูลค่า (Value Funds) เหมาะกับบริษัทที่มีสินทรัพย์หมุนเวียนสูง แต่ราคาหุ้นอาจต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
  4. กองทุนที่เน้นความมั่นคง (Defensive Funds) เหมาะกับบริษัทที่มีสัดส่วนเงินสดและสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีคุณภาพสูง
  5. กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds) เหมาะกับบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสูงมาก โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน

กองทุนรวมแนะนำจาก K WEALTH

  1. กองทุน K-GINFRA-A(D) เหมาะกับการลงทุนในบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสูง เช่น โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน ซึ่งให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปของเงินปันผล
  2. กองทุน K-FIXED-A และ K-FIXEDPLUS-A เหมาะกับการลงทุนในช่วงตลาดผันผวน ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูง ที่มีสภาพคล่องดี
  3. กองทุน K-WPBALANCED ให้ความสมดุลระหว่างการลงทุนในบริษัทที่มีทั้งสินทรัพย์หมุนเวียนและไม่หมุนเวียน เหมาะกับการลงทุนระยะยาวในสภาวะปกติ

สินทรัพย์หมุนเวียนช่วยให้คุณเลือกกองทุนรวมได้อย่างไร?

การวิเคราะห์สินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนของบริษัทที่กองทุนรวมลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยนักลงทุนประเมินสุขภาพทางการเงินและศักยภาพการเติบโตของบริษัท โดยสินทรัพย์หมุนเวียนสูงสะท้อนถึงสภาพคล่องและความยืดหยุ่นในภาวะตลาดผันผวน ขณะที่สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนคุณภาพดีบ่งบอกถึงโอกาสเติบโตระยะยาว การใช้อัตราส่วนทางการเงินอย่าง Current Ratio, Quick Ratio และ Cash Ratio จะช่วยให้คุณคัดกรองกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นักลงทุนควรปรับกลยุทธ์การเลือกกองทุนให้สอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยในช่วงเศรษฐกิจถดถอย อาจเน้นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนสูง เช่น กองทุน K-FIXED-A หรือ K-FIXEDPLUS-A และในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว อาจพิจารณากองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่สร้างการเติบโต เช่น กองทุน K-GINFRA-A(D) ทั้งนี้ การศึกษาพอร์ตการลงทุนของกองทุนและการวิเคราะห์โครงสร้างสินทรัพย์ของบริษัทที่กองทุนลงทุนจะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ


หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS-A: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPBALANCED: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-GINFRA-A(D): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-FIXEDPLUS-A, K-GINFRA-A(D): ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
    • K-WPBALANCED: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-GINFRA-A(D): T+4
    • K-WPBALANCED: T+6

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บลจ.กสิกรไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย



คำเตือน

“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

KWEALTHสุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

Back to top