K-Europe กองทุนที่ไม่ควรมองข้าม

ตลาดหุ้นยุโรป ถึงแม้จะใหญ่เป็นอันดับ 2 และผลตอบแทนย้อนหลังยังเติบโตไม่เท่ากับ ตลาดหุ้นฯสหรัฐฯ แต่หุ้นที่จดทะเบียนในยุโรป มีรายได้กระจายมาจากทั่วโลก ถึง 75% ของรายได้ทั้งหมด ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะสงครามอีกด้วย

• ความน่าสนใจของตลาดหุ้นยุโรป คือ 1.คาดการณ์ ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. นี้ 2. GDP ที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง (ในไตรมาส 4/23 ต่อเนื่อง ไตรมาส 1/24) และ 3.การบริโภคฟื้นตัวจากการจัดมหกรรมโอลิมปิกในฝรั่งเศส ช่วยหนุนภาคการผลิตของยุโรป รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวของยุโรปฟื้นตัว


• ทำไมต้องเป็น K-EUROPE 1.กฎเกณฑ์เรื่อง บริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และเรื่องธรรมาภิบาล (ESG) ในสหภาพยุโรป จะทำให้หุ้นกลุ่ม Industrial ได้ประโยชน์ ซึ่งกองทุนหลักมีน้ำหนักการลงทุนสูงสุด และ 2.หุ้นกลุ่ม Technology ยังมีความน่าสนใจไม่แพ้หุ้นในสหรัฐฯ แต่ยังมีราคาไม่แพง เทียบจาก P/E ของหุ้นยุโรปยังถูกเทียบกับหุ้นโลก




ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลายประเทศมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งมักเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นทั่วไป แต่สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับทำผลการดำเนินงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า ได้แก่ Microsoft, Apple, Nvidia, Alphabet, Amazon, Meta และ Tesla เป็นกลุ่มที่ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดค่อนข้างมาก ส่งผลให้นักลงทุนหลายคนเริ่มกังวลกับดัชนีหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นไปทำ New High ทั้ง 3 ตลาด (Dow Jone, Nasdaq และ S&P500) และหันมาตั้งคำถามว่ายังมีตลาดหุ้นประเทศไหนอีกบ้างที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี และราคาหุ้นยังไม่แพงจนเกินไป ซึ่งวันนี้ทาง K Wealth ขอหยิบเอาตลาดหุ้นยุโรปมาพูดถึงกันหน่อยว่า อะไรเป็นจุดที่ตลาดหุ้นยุโรปเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในช่วงนี้



ทำไมตลาดหุ้นยุโรปถึงน่าสนใจ

- ขนาดของตลาดหุ้นใหญ่สูงเป็นลำดับ 2* และมีรายได้กระจายตัวมาจากทั่วโลก รองจากตลาดหุ้นสหรัฐฯก็เป็นตลาดหุ้นยุโรป โดยมีสัดส่วนเป็น 11.1% มูลค่าตลาด 12.1 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีสัดส่วน 42.5% มูลค่าตลาด 46.2 ล้านล้านดอลลาร์ และรายได้จากหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรป ประมาณ 75% ของรายได้กระจายตัวมาจากทั่วโลก ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากภาวะสงคราม


- มหกรรม Paris Olympic 2024 จะช่วยให้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ายุโรปได้อีก จากเดิมปี 2019 มีเพียง 5 ใน 10 ประเทศ เพิ่มเป็น 7 ใน 10 ประเทศ ในปี 2022** ที่ติด Top 10 จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวอยากไป นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีมหกรรมการจัดกีฬาโอลิมปิก ที่ ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024 ช่วยหนุนให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวในยุโรปมากขึ้นอีกด้วย



แนวโน้มตลาดหุ้นยุโรป

- คาดการณ์ว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ย ถึงแม้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ค. 67 อยู่ที่ 2.6% เทียบกับ 2.4% ในเดือน เม.ย. 67 แสดงว่า เงินเฟ้อยังไม่ลงเท่าที่ควร มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยมีลดลง ในเดือน มิ.ย. 67 ก็ตาม แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จะเพิ่มโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ในทางตรงกันข้ามหากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง จะลดโอกาสหรือชะลอการลดอัตรานโยบายออกไปก่อน จากสถิติการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะพบว่า ทำให้ดัชนีราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ระหว่าง 18.2%-23.9% ในช่วง 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส และ 4 ไตรมาส หลังการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย


- อัตราเติบโตของ GDP เติบโตต่อเนื่อง โดยอัตราเติบโตของ GDP รายไตรมาส ในไตรมาส 4/23 ขยายตัว 0.1% (YoY) ไตรมาส 1/24 ขยายตัว 0.4% และคาดว่าไตรมาส 2/24 - ไตรมาส 4/24 จะขยายตัว 0.4% 0.8% และ 1.2% ตามลำดับ ส่วนอัตราเติบโตรายปี 2023-2025 ขยายตัว 0.4% 0.7% และ 1.4% ตามลำดับ มาจากการขยายตัวได้จากการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง ทำให้คนตัดสินใจจับจ่ายใช้สอยสูงขึ้น การบริโภคได้รับปัจจัยบวกให้กลับมา โดยเฉพาะการจัดการแข่งขันโอลิมปิกที่ ฝรั่งเศส ในปีนี้


- มูลค่าที่เหมาะสม (Valuation) ยังถูกอยู่ อยู่ในระดับที่น่าสนใจเทียบกับหุ้นโลกโดยรวม ระดับ P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 13.76 เท่า (ณ 30 เม.ย. 67) เทียบกับ MSCI ACWI ที่อยู่ที่ 18.03 เท่า ในขณะเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ระหว่าง 18.48-25.85 เท่า


ทำไมต้องเป็น K-EUROPE

- กองทุนหลักคือ Allianz Europe Equity Growth เน้นลงทุนที่เน้นหุ้นพื้นฐานดีเติบโตสูงสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up การเลือกหุ้นไม่ยึดติดกับดัชนีชี้วัด โดยการให้น้ำหนักของหุ้นแต่ละตัวขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก


1. ศักยภาพในการเติบโต พิจารณาจากการเติบโตของกำไรและกระแสเงินสดมากกว่าค่าเฉลี่ย ต้องมี Business Model เหนือคู่แข่ง เป็นผู้นำตลาด

2. คุณภาพ ได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว งบการเงินแข็งแกร่ง ทีมบริหารมีประสิทธิภาพ

3. Valuation เปรียบเทียบคู่แข่ง ตลาด อดีต และการเติบโต


- ผลตอบแทนที่ผ่านมาของ K-EUROPE (ข้อมูล ณ 29 พ.ค. 67) 5 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 9.15% ต่อปี และ 10 ปี ย้อนหลัง อยู่ที่ 7.64% ต่อปี มีนโยบายจ่ายเงินปันผล จ่ายปันผลเกือบทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ส.ค. 56) ไม่จ่ายปี 56 และ 59 เป็นจำนวน 32 ครั้ง รวมปันผลทั้งหมด 7.55 บาท/หน่วย


- ตัวอย่างหุ้น Top Ten ในดัชนี Stoxx 50 ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ มีแนวโน้มรายได้และกำไรที่เติบโต เป็นโอกาสที่จะรับผลตอบแทนคาดหวังที่ดีจากดัชนีหุ้นยุโรปได้


o ASML – Technology ผู้นำด้านชิป บริษัทพัฒนาและส่งออกเครื่องผลิตชิปที่สำคัญของโลก เมื่อไตรมาส 1/20 รายได้ 2,440 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นมาเป็น 5,290 ล้านยูโร ในไตรมาส 1/24 ส่วนกำไรไตรมาส 1/20 อยู่ที่ 393 ล้านยูโร เพิ่มเป็น 1,226 ล้านยูโร ในไตรมาส 1/24


o LVMH – Luxury consumer goods ผู้นำแบรนด์หรูหราทั่วโลก เช่น Dior, Louis Vuitton, Celine, Fendi, BVLGARI ครึ่งหลังปี 2023 รายได้อยู่ที่ 43,910 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 6,690 ล้านยูโร ครึ่งหลังของปี 2020 รายได้อยู่ที่ 26,260 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 4,180 ล้านยูโร


o Allianz – Insurance สถาบันการเงินระดับโลกจากเยอรมนี ไตรมาส 1/24 มีรายได้ 25,603 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 2,542 ล้านยูโร รายได้ 24,254 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 1,499 ล้านยูโร


o Nova nordisk – ผู้นำธุรกิจ Healthcare เจ้าของยาลดเบาหวานที่ใช้กันทั่วโลก และถูกใช้เป็นยาลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมสูง ไตรมาส 1/24 รายได้ 65,349 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 25,407 ล้านยูโร ไตรมาส 1/20 รายได้ 33,875 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 11,897 ล้านยูโร



K-EUROPE ดียังไง

- กฎเกณฑ์เกี่ยวกับ ESG ที่สหภาพยุโรปใช้ เอื้อประโยชน์กับหุ้นกลุ่ม Industrial ที่มีสัดส่วนเยอะที่สุด คือ 28.54%***

- หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลายๆตัว ที่น่าสนใจ เช่น ผู้ผลิตชิป มีโอกาสเติบโตไม่แพ้หุ้นสหรัฐ แต่ราคายังถูกอยู่ ซึ่งหุ้นกลุ่ม Technology มีสัดส่วน 23.14%*** เป็นอันดับ 2

- เป็นกองทุนที่ได้รับ Morningstar 4 ดาว (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 67)


จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นยุโรป มีความน่าสนใจตอนนี้เนื่องจากคาดการณ์ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. หรือ ก.ค. นี้ ในมุม Valuation ยังถูกกว่าหุ้นโลก (P/E หุ้นยุโรป อยู่ที่ 13.67 เท่า เทียบกับ P/E หุ้นโลก ที่ 18.03 เท่า) และรายได้ของบริษัทในตลาดหุ้นยุโรป ก็กระจายตัวทั่วโลก ลดผลกระทบโดยตรงจากภาวะสงคราม จะช่วยลดความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ ECB จะชะลอประกาศลดอัตราดอกเบี้ยออกไปจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงอยู่ ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะทยอยสะสมในกองทุน K-EUROPE


ทั้งนี้ สามารถซื้อกองทุน K-EUROPE ได้ผ่าน K PLUS ที่ปรับโฉม ฟีเจอร์การลงทุนใหม่ ให้ตอบโจทย์สายลงทุนมากขึ้น ครบจบที่เดียว
- มีทางเลือกลงทุนได้หลากหลายกองทุน จาก 14 บลจ. ชั้นนำอื่น
- ดูพอร์ตลงทุนทั้งหมด กับฟังชั่น Consolidate Port ดูง่ายครบทุกการลงทุน
- ฟังชั่นใหม่ Price Alert ตั้งเตือนราคากองทุนที่สนใจด้วยตัวเอง เมื่อถึงราคาที่เราต้องการ


*คำเตือน
• กองทุนมีระดับความเสี่ยงที่ 6 (จากสูงสุด 8 ระดับ)
• มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
•ขายคืนได้ทุกวันทำการ โดยจะได้รับเงินค่าขายคืน 4 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+4) เช่น ขายคืนวันพุธ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคาร (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์)



*ที่มา : Visual Capitlal https://www.visualcapitalist.com/the-109-trillion-global-stock-market-in-one-chart/

** ข้อมูลจาก Statista

*** FFS ของกองทุน Allianz Europe Equity Growth (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 67)




.

คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer สุนิติ ถนัดวณิชย์ CFP®
Back to top