Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงมีประโยชน์หรือไม่

ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงมีประโยชน์หรือไม่

​​



การลงทุนในปี 2018 สร้างความเจ็บปวดใจให้นักลงทุนที่หวังพึ่งการกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ คือ ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อความทนทานต่อความเสี่ยงต่างๆ ได้ดีขึ้น ประโยชน์ของการกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้ ซึ่งมักจะเคลื่อนไหวสวนทางกับผลตอบแทนของตราสารหุ้นขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของผลตอบแทน แต่ในปี 2018 มีหลายครั้งที่ทั้งราคาหุ้นและราคาตราสารหนี้ ต่างปรับลงพร้อมๆ กัน ทำให้กลไกลของประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงไม่ทำงานและทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตติดลบ

จากการศึกษาของ ดอยช์แบงก์ ผลตอบแทนของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ย้อนหลังไป 100 ปี พบว่า ปี 2018 เป็นปีที่ไม่ธรรมดาเพราะตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนรายปีติดลบมีสูงถึง 90%  ซึ่งนับว่าเป็นสถิติสูงสุดในรอบกว่า 100 ปีและยังสูงกว่าระดับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่  1 

เหตุผลที่พอจะอธิบายได้ คือ การที่ธนาคารกลางหลักต่างๆ ของโลก เริ่มหันมาใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด ซึ่งทำให้สภาพคล่องของโลกหดหายลง และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเริ่มจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของประเทศเกิดใหม่เป็นลำดับแรก ตามมาด้วยตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์ และสุดท้าย คือ ตลาดตราสารหนี้ประเทศพัฒนาแล้ว

สำหรับปี 2019 Lombard Odier ยังคงมองว่าการลงทุนในปีนี้จะยังคงเผชิญกับความผันผวนจากสถานการณ์ของสภาพคล่องโลกที่ทยอยปรับลดลง โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed จะดำเนินนโยบายการเงินผิดพลาดยังคงมีอยู่สูง แม้ว่าท่าทีล่าสุดของ Fed การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดจะดูอ่อนลงก็ตาม สถานการณ์ที่ราคาหุ้น ทั่วโลกจะกลับมาปรับสูงขึ้นอย่างยั่งยืน จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อธนาคารกลางของประเทศต่างๆ หันมาดำเนินนโยบายในแนวทางของการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินอีกครั้ง อย่างไรก็ดีหลายๆ ธนาคารกลางต่างก็รอให้ Fed เริ่มก่อนแล้วค่อยดำเนินการตาม ขณะที่ Fed เองก็ดูลังเลที่จะทำเช่นนั้น จนกว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณของเศรษฐกิจถดถอยอย่างชัดเจน ซึ่งเวลานั้นอาจจะสายเกินไป และหากสายเกินไป สินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ระยะยาว ทองคำที่มีความสัมพันธ์ต่ำกับหุ้น มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงเวลาที่หุ้นให้ผลตอบแทนแย่

ทั้งนี้ ทาง Lombard Odier คาดว่าสถานการณ์ในปีนี้จะแตกต่างจากปีที่แล้ว โดยโอกาสที่เราจะเห็นพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและราคาตราสารหนี้กลับมาสวนทางกันจะมีมากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้การลงทุนในพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ หรือแม้กระทั่งทองคำ จะกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากประโยชน์ของการกระจายความเสี่ยง
 

ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562


กลับ
PRIVATE BANKING