เอเชียดินแดนแห่งวัฒนธรรมกำลังก้าวผ่านช่วงเวลาที่สำคัญไปสู่การเป็นจุดศูนย์รวมของนวัตกรรม และ เทคโนโลยี ประชากรมากกว่า 60% ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมโยง และ ส่งผลต่อวิถีชีวิตประจำวัน เช่น
- การทำธุรกรรมผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ (การทำธุรกรรมทางการเงินรูปแบบดิจิทัล การสั่งอาหารทางแอพพลิเคชั่นออนไลน์ การซื้อของกินของใช้3ผ่านอีคอมเมิร์ช)
- การเรียนออนไลน์ การทำงานจากที่บ้าน
- การพบแพทย์ออนไลน์
ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมารองรับ และ เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้กำลังเป็นที่นิยมและยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นในปี 2019 เอเชียมีจำนวนสิทธิบัตรแซงหน้าสหรัฐฯ ถึงเกือบ 3 เท่า คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของจำนวนสิทธิบัตรทั้งหมดในโลก *
* Allianz Global Investor, ธ.ค. 2563
ธุรกิจเทคโนโลยีอะไรในเอเชียที่ทำให้เอเชียได้ชื่อว่าเป็นชั้นนำด้านเทคโนโลยีของโลก
ธุรกิจเทคโนโลยีในเอเชีย ประกอบด้วยหลายธุรกิจทั้งธุรกิจที่เป็นผู้ผลิต และ ธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี โดยตัวอย่างกลุ่มธุรกิจที่ทำให้เอเชียกลายเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีของโลกนี้ ได้แก่
ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สำคัญที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และ มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจที่ดูแลการผลิตชิ้นส่วนสำคัญนั่นเป็นธุรกิจที่อยู่ในเอเชียหลายธุรกิจ เช่น
- Largan (บริษัทไต้หวัน) ที่ผลิตกล้องเลนส์ให้ IPHONE
- TSMC (บริษัทไต้หวัน) ผลิตชิปให้ IPHONE และ สมาร์ทโฟนหลากหลายค่าย
ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ หุ่นยนต์ เมื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังเป็นที่ต้องการ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนจึงเติบโตมากตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจผู้ผลิตเซนเซอร์ และ ระบบอัติโนมัติ เพื่อเป็นหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรม ตอบรับกระแสการใช้หุ่นยนต์แทนแรงงาน เช่น
- TSMC (บริษัทไต้หวัน) บริการที่ผลิตชิปให้สมาร์ทโฟน และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก
- Samsung (บริษัทเกาหลีใต้) ผู้ถือครองส่วนแบ่งเกือบ 80% ของทั้งโลก
- Keyence (บริษัทญี่ปุ่น) ผู้ผลิตเซนเซอร์ ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก
นอกจากนี้จีนยังมีการติดตั้งการใช้งานหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่แซงหน้าญี่ปุ่นเกือบ 3 เท่าตัว ซึ่งในอนาคตอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางของระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น
ธุรกิจอีคอมเมิร์ช และ ธุรกิจเกมออนไลน์ เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และ ยังมีแววเติบโตได้อีกมากมาย โดยมีบริษัทเอเชียในกลุ่มธุรกิจนี้อย่าง
- SEA (บริษัทสิงค์โปร์) เจ้าของธุรกิจ Shopee ที่มีมูลค่าหุ้นในปัจจุบันขนาดเท่ากับ Amazon เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
- Tencent (บริษัทจีน) บริษัทเกมส์ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายแซงหน้า EA และ Activision (2 ค่ายเกมส์ใหญ่สุดของสหรัฐฯ) กว่า 2 เท่าในปี 2016 และ มากกว่า 4 เท่าในปี 2019
หรือนี่คือโอกาสในการลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเอเชีย?
การลงทุนในหุ้นเอเชียเทคโนโลยีถือว่ามีความน่าสนใจเนื่องจากราคายังไม่สูงเท่ากับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐฯ ที่ราคาหุ้นชั้นนำปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตสูงจากฐานประชากรที่มีกลุ่มคนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งมีกำลังในการจับจ่าย และ เข้าถึงเทคโนโลยีหากผู้ลงทุนสามารถแบ่งเงินบางส่วนเพื่อกระจายการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตสูงในเอเชีย ระยะยาวแล้วจะทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนตามทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจเอชีย อย่างไรก็ดีหุ้นเอเชียเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงย่อมส่งผลให้มีการแข่งขันที่สูงตามไปด้วย และ ยังมีต้นทุนการวิจัยและพัฒนาที่สูงเช่นกัน นอกจากนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมักมีความผันผวนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญก่อนตัดสินใจลงทุน
K-Expert ณรงศักดิ์ สถิรชอบพุทธ AFPT™
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า
กองทุนเปิดเค เอเชีย เทคโนโลยี หุ้นทุน (K-ATECH)
ลงทุนตราสารทุนของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่าถูกกว่าหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯและมีอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงกว่า **
** มูลค่าเปรียบเทียบจาก P/B Ratio และเป็นการเทียบระหว่าง ดัชนี MSCI AC APAC IT กับ ดัชนี Russell 1000 Technology (ที่มา JPMorgan Asset Management ธ.ค. 63)
ทำไมต้องเค เอเชีย เทคโนโลยี หุ้นทุน
- มูลค่าหุ้นยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับโอกาสในการเติบโต
- ลงทุนครอบคลุม 5 ธีมหลัก ที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ได้แก่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ชและสื่อออนไลน์ ธุรกิจเกมออนไลน์ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์มือถือ และ ธุรกิจหุ่นยนต์อุตสาหกรรม
- เอเชียเป็นแหล่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของโลก และ เป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมหาศาล
เหมาะสำหรับใคร?
- ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นดังกล่าว
- ผู้ลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนจากหุ้นเทคโนโลยีในเอเชียที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและเป็นผู้นำธุรกิจ
- ผู้ที่สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนรวมไปลงทุน ซึ่งอาจจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้
- ผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะยาวตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป
- ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้