ปี 2561 น่าจะเป็นปีที่ดีของธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ที่มีภาพเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และแรงหนุนจากมาตรการลดภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจของสหรัฐฯ มีส่วนสนับสนุนกำลังซื้อของครัวเรือนสหรัฐฯ ให้มีความต้องการสินค้าไทยในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีสัดส่วนราวร้อยละ 40 ของการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ เติบโตได้อีก ประกอบกับวิกฤตอากาศหนาวเย็นรุนแรงทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรและอาหารน่าจะเป็นที่ต้องการในอนาคต นอกจากนี้ มุมองที่ดีขึ้นต่อสินค้าไทยในประเด็นด้านทรัพย์สินทางปัญญายังสะท้อนภาพบวกของสินค้าไทยในสหรัฐฯ แม้ว่าสินค้าไทยจะอยู่ในช่วงรอยต่อของการพิจารณาสิทธิ GSP แต่ก็ไม่น่าจะมีผลต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ มากนัก
การส่งออกของไทยไปยุโรปในปี 2560 ที่ผ่านมา นับว่ามีภาพที่ดีที่สุดในรอบ 6 ปี โดยน่าจะเติบโตราวร้อยละ 8.0 ด้วยอานิสงส์ทางเศรษฐกิจสหภาพยุโรปที่ผ่านพ้นความเปราะบางทางเศรษฐกิจและการเมืองมาแล้ว และกำลังเข้าสู่การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะกำลังซื้อที่เริ่มกลับมาสะท้อนจากอัตราการว่างงานของประเทศในยูโรโซนแตะที่ร้อยละ 8.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 9 ปี (นับตั้งแต่เดือนมกราคมในปี 2552) จึงส่งผลบวกต่อเนื่องมายังความต้องการสินค้าจากไทยในปี 2561 ให้เติบโตดีขึ้นตามมา
การค้าระหว่างประเทศของไทยกับตลาดส่งออกดั้งเดิมอย่างสหรัฐฯ และ EU ในปี 2561 นี้ นับว่ามีหลายปัจจัยบวกที่เอื้อให้การส่งออกของไทยไปตลาดเหล่านี้มีภาพที่สดใสต่อเนื่องจากปีก่อน และหนุนให้การส่งออกในภาพรวมของประเทศไทยเติบโตได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเศรษฐกิจประเทศเหล่านี้ต่างก็ผ่านพ้นช่วงเวลาเปราะบางทางการเมืองในประเทศมาได้ และกำลังก้าวไปสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ผู้ประกอบการ SME ไทยที่ส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ และ EU น่าจะได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของตลาดเหล่านี้ มีโอกาสขยายตลาดได้ดีต่อเนื่องในปี 2561โดยกลยุทธ์ในการเจาะตลาดสหรัฐฯ และ EU ที่มีพฤติกรรมการบริโภคที่เน้นด้านคุณภาพสินค้าและให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตนั้น การที่จะจูงใจผู้บริโภคได้ ผู้ประกอบการควรมีตราเครื่องหมายที่สะท้อนการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เพราะเครื่องหมายเหล่านี้ยังช่วยลดการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีที่ทางการสหรัฐฯ หยิบนำมาใช้มากขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
สินเชื่อที่เกี่ยวข้อง : สินเชื่อและบริการยอดฮิต