3/3/2560

นวัตกรรมเปลี่ยนลำไยบ้านๆ เป็น “คุณลำไย”

​​​​​      จากธุรกิจของครอบครัวที่เริ่มต้นทำลำไยอบแห้งมา 30 กว่าปี จนวันหนึ่งเมื่อพื้นที่ในตลาดเริ่มอิ่มตัว พงษ์พันธ์ ธรรมวรรณ อดีตวิศวกรหนุ่มจึงตัดสินใจย้ายถิ่นฐานกลับไปดูแลกิจการของครอบครัวที่ จ.ลำพูน โดยหานวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า จนในที่สุดเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆภายใต้แบรนด์ “Lamyai House”  ที่มีทั้ง ลำไยคิ้วท์ ลำไยอัดก้อน เครื่องดื่มพร้อมชงสำเร็จรูปแบบใหม่ที่ให้ทั้งความหวาน หอมอร่อย และมีเนื้อลำไยสดๆ ไม่ต่างจากน้ำลำไยที่ต้มขายใหม่ๆ  และ สแน็คบาร์ลำไย ขนมธัญพืชที่มีลำไยและธัญพืชอื่นๆเป็นตัวชูโรง 

“ลำไยอบแห้ง” จากความบังเอิญ สู่ภูมิปัญญาสร้างมูลค่าเพิ่ม
ที่มาของธุรกิจลำไยอบแห้งของพงษ์พันธ์ เริ่มต้นจากความบังเอิญที่เก็บลำไยร่วงพื้นมาทดลองอบใส่เตาอั้งโล่ถนอมอาหาร จนได้เป็นลำไยอบแห้งที่สามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละร้อยกว่าบาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก โดยธุรกิจลำไยถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงจนทำให้ลำไยอบแห้งขายได้ราคาไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อธุรกิจที่บ้านเริ่มไม่ดี พงษ์พันธ์จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว โดยพยายามปรับปรุงในด้านต่างๆ เช่น การผลิต แพคเกจจิ้ง เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจมากขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้หนีจากการแข่งขันด้านราคาได้ ทำให้พงษ์พันธ์ต้องกลับมาวิเคราะห์ตลาดอีกครั้ง และพบว่าหากยังทำธุรกิจอยู่ในกลุ่มตลาดเดิมๆ สินค้ารูปแบบเดิม แม้จะทำให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้น ก็ยังไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าเดิมนัก ดังนั้นจึงต้องสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ขึ้นมา ซึ่งหมายถึงการสร้างสินค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในตลาดนั่นเอง

ลำไยคิ้วท์ นวัตกรรมพลิกวิกฤต
พงษ์พันธ์พยายามหานวัตกรรมใหม่ๆเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วย จนวันหนึ่งเขานึกถึงการทำน้ำลำไยสำเร็จรูป ซึ่งที่เห็นทั่วไปตามท้องตลาด โดยมากมักมีแต่รูปแบบที่เป็นผงเวลารับประทานก็นำไปใช้ชงดื่ม ซึ่งเขามีความรู้สึกว่าไม่ได้รสชาติเหมือนการกินน้ำลำไยที่ต้มกันใหม่ๆ จึงพยายามตั้งโจทย์และสร้างรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ใกล้เคียงกับน้ำลำไยสดจริงๆ จนในที่สุดเขาสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาได้ในรูปแบบของลำไยอัดก้อนพร้อมชงที่มีรสชาติเหมือนน้ำลำไยสดและเนื้อลำไยให้สัมผัส โดยใช้ชื่อว่า “ลำไยคิ้วท์”  โดยกลุ่มเป้าหมายที่พ​งษ์พันธ์มองไว้ คือ กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการชงน้ำลำไยดื่มง่ายๆ ด้วยตัวเอง รวมถึงกลุ่มร้านค้าขายเครื่องดื่มที่ต้องการเพิ่มยอดขายด้วยเมนูลำไยที่สามารถทำง่ายๆ ไม่ต้องต้มทิ้งไว้คราวละเยอะๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มความสุขสบายมากขึ้น และยังช่วยลดภาระการแบกรับต้นทุนการผลิตได้อีกทางหนึ่งด้วย
 
แตกไลน์สินค้า เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า
นอกจากลำไยคิ้วท์ พงษ์พันธ์ยังได้คิดผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอีกตัวคือ “สแน็คบาร์ลำไยผสมธัญพืช” ซึ่งผสมด้วยธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวโอ๊ต งาขี้ม่อน เมล็ดฟักทอง งาขาว เมล็ดอัลมอนต์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และลำไยอบแห้ง หวังเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักคือ คนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก 

Lamyai House จากนวัตกรรม สู่การสร้างแบรนด์
นอกเหนือจากการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ โดยการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ อีกสิ่งที่พงษ์พันธ์ให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือการสร้างแบรนด์ เพื่อตอกย้ำคุณค่าของเรื่องราวที่มีมาภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “Lamyai House” นอกจากนี้ในอนาคตเขายังมองไว้ด้วยว่า เมื่อมีนวัตกรรม กรรมวิธีการผลิตต่างๆ ที่ดีแล้ว เขาอาจจะปรับเปลี่ยนพัฒนาทำผลไม้ชนิดอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นอีกด้วย เช่น มะม่วง สตรอเบอร์รี่ เป็นต้น โดยจะสร้างอีกแบรนด์ชื่อ Lango ที่เป็นการปรับคำใหม่จากคำว่า Longan เพื่อสื่อให้เห็นว่าจุดเริ่มต้นมาจากลำไย 

จากตลาดเก่าที่มีคู่แข่งมากขึ้น ผู้บริโภคก็ต้องการราคาสินค้าที่ถูกลง สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจไปต่อไปคือ การนำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มมูลค่า เหมือนกับ Lamyai House ที่ไม่หยุดอยู่แค่การทำธุรกิจลำไยอบแห้ง แต่ต่อยอดแตกไลน์สินค้า พัฒนาจนสามารถสร้างแบรนด์และยังมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อทำให้ลูกค้านึกถึง Lamyai House เป็นแบรนด์อันดับต้นๆในเรื่องของลำไย จนในที่สุดกลายเป็น Legend of Longan ของเมืองไทยให้ได้​