23 พ.ย. 63

กระเป๋าตังค์เสริมรับมือวิกฤต

คะแนนเฉลี่ย

สินเชื่อ/ธุรกิจ

​​​กระเป๋าตังค์เสริมรับมือวิกฤต


​​          กว่า 10 เดือนที่ต้องเผชิญกับวิกฤต COVID 19 หลายๆคนยังรู้สึกเหมือนกับว่ามันยังไม่ไปไหน เชื้อไวรัสยังคงอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในโลก แม้จะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตามสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังคงมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง เกิดผลกระทบมากมายไม่ว่าจะเป็น ผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลายธุรกิจปิดตัว หลายคนถูกเลิกจ้างโดยไม่รู้ตัว อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคนว่างงาน ไม่มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เป็นต้น อะไรก็เกิดขึ้นได้บนความไม่แน่นอน จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หรือตามสื่อต่างๆ จะเห็นได้ว่า บางคนตกงานกะทันหัน ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง ต้องไปอาศัยนอนที่วัดหรือตามสวนสาธารณะ อ่านแล้วดูน่ากลัวและมันไม่ไกลตัวเราเลย


ในสถานการณ์แบบนี้เราทำอะไรได้บ้าง 

          จากสถานการณ์แบบนี้สิ่งที่เราทำได้ก็คือการเตรียมตัวเองให้พร้อม เพราะทุกคนมีโอกาสถูกแจ็กพอตที่อยู่ๆก็กลายเป็นคนไม่มีงานทำ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ดังนั้นอย่างแรกเลยก็คือควรมีกระเป๋าตังค์สำรองไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ซึ่งก็ควรมีสำรองไว้ 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน วิธีการคำนวณคร่าวๆ เช่น รายจ่ายหลักต่อเดือนประกอบไปด้วย ค่าเช่าห้อง 4,500 บาท(รวมค่าน้ำค่าไฟ) ค่าอินเทอร์เน็ต 500 บาท ค่าอาหาร 6,000 บาท ค่ารถไป-กลับทำงาน 1,500 บาท รวม 12,500 บาท ดังนั้น เงินสำรองที่ควรมี 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะเท่ากับ 12,500 x 6 = 75,000 บาท ซึ่งดูแล้วเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย อีกทั้งเงินในส่วนนี้ควรเป็นเงินส่วนที่แยกจากเงินเก็บออมปกติ และเป็นเงินที่มีสภาพคล่องสูง หมายความว่าต้องนำเงินออกมาใช้ได้อย่างรวดเร็วตอนฉุกเฉินนั่นเอง ส่วนวิธีการเก็บก็สามารถเก็บได้ทั้ง เป็นบัญชีออมทรัพย์ที่ถอนออกมาได้เลยทันที หรือเงินฝากประจำระยะสั้น 3-6 เดือน เห็นแบบนี้แล้วควรเตรียมตัวเก็บไว้แต่เนิ่นๆจะดีที่สุด

เก็บเงินไม่ทัน/เก็บไม่ไหว ทำยังไงดี​

อีกทางเลือกสำหรับคนที่รู้สึกว่าการเก็บเงินให้ได้จำนวนที่ว่าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มันยากเหลือเกิน กลัวจะเก็บไม่ทัน บวกกับความรู้สึกในตอนนี้เริ่มอยากที่จะมีเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ ดังนั้นทางเลือกกระเป๋าตังค์เสริมรับมือวิกฤตอีกใบก็คือ บัตรเงินด่วน ที่ควรไว้เผื่อฉุกเฉินเอาไว้ใช้ยามจำเป็น เช่น เวลาเข้าโรงพยาบาลหากไม่มีเงินค่ารักษาหรือเงินค่ารักษาไม่พอก็สามารถใช้บัตรเงินด่วนกดเงินมาใช้ก่อนได้ ค่าเทอมลูกก็เช่นกันบางครั้งอาจหมุนเงินไม่ทันแต่จำเป็นต้องจ่ายก็สามารถกดเงินจากบัตรเงินด่วนออกมาเป็นค่าเทอมได้ หรือในอนาคตหากใครเริ่มรู้ตัวว่าต้องรีบมีอาชีพเสริมทำแต่ไม่มีเงินทุนก้อนเล็กๆ ก็สามารถใช้บัตรเงินด่วนนี้กดเงินออกมาเป็นเงินทุนตั้งต้นในการประกอบอาชีพได้ ซึ่งในตอนนี้ทางกสิกรไทยก็มีบัตรเงินด่วน (Xpress Cash) โฉมใหม่ ที่สามารถรูดซื้อ รูดผ่อน กดเงินสดมาใช้ด่วนๆยามฉุกเฉิน ครบจบในบัตรเดียว สมัครก็ไม่ยาก ถ้าสนใจสมัครแนะนำว่าควรสมัครในขณะที่ยังมีงานทำอยู่ หากไม่มีงานทำหรืออยู่ๆตกงานขึ้นมาอยากสมัครบัตรกดเงินด่วน จะไม่สามารถสมัครบัตรกดเงินด่วนนี้ได้ เพราะเมื่อเราไม่มีงานทำก็จะไม่มีเอกสารอ้างอิงรายได้ ดังนั้นควรรีบสมัครในขณะที่ยังมีงานทำ

บัตรเงินด่วนใช้ให้ดีมีแต่ได้กับได้ 

          ความจำเป็นในการใช้เงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และบัตรกดเงินด่วนก็ทำมาเพื่อช่วยคนที่ต้องการใช้ในยามฉุกเฉินหรือจำเป็นจริงๆ ซึ่งถ้าเรามีไว้เฉยๆ หรือมีแต่ยังไม่อยากใช้ก็ไม่เป็นไร ไม่กดเงินสดออกมาก็เท่ากับไม่เสียดอกเบี้ย แต่ทุกครั้งที่เรากดเงินสดออกมาเราจะเสียดอกเบี้ยจากการกดเงินสด จึงควรระมัดระวังในการกด อย่ากดใช้จนเพลินเพราะอาจทำให้หนี้ก่อตัวขึ้นมากเกินความจำเป็น และต้องหลีกเหลี่ยงการใช้บัตรเพื่อชอปปิง ให้นึกไว้เสมอว่า “ใช้ยามฉุกเฉิน”  กดเงินมาแล้วก็อย่าลืมรีบชำระเงินเพื่อให้เสียดอกเบี้ยน้อยที่สุด ทำแบบนี้มีแต่ได้กับได้

          บัตรกดเงินด่วนจำเป็นที่สุดในยามที่เราเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือใช้ในยามจำเป็นจริงๆ เพราะถ้าถึงวันนั้นเราอาจตั้งสติไม่ทัน เสียใจ ตกใจทำอะไรไม่ถูก ที่สำคัญการมีกระเป๋าตังค์เสริมรับมือวิกฤต เปรียบเสมือนฮีโร่ที่จะมาช่วยเราให้รอดพ้นจากวิกฤต แต่ก็ควรใช้ให้เป็น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นโทษ บัตรกดเงินด่วนต้องไม่กดเพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนทบหนี้เก่า ต่อหนี้ใหม่ไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะกลายเป็นวงจรหนี้ที่เปรียบเสมือนงูกินหางไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้นนั่นเอง


 เวลาเจอวิกฤต เรามักรอให้ HERO มาช่วย แต่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เราเองต่างหากที่เป็นคนที่สร้าง HERO ขึ้นมา 




ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง : 
บัตรกดเงินด่วน Xpress Cash ​



ให้คะแนนบทความ

พธพร รัตนสิโรจน์กุล

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย