16 ต.ค. 61

เงินไม่สะดุดแม้ยามฉุกเฉิน

คะแนนเฉลี่ย

ออมและลงทุน

​​​​ ​​​เงินไม่สะดุดแม้ยามฉุกเฉิน ​


 

         หากวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าจำเป็นต้องใช้เงินด่วนจำนวนก้อนหนึ่ง เมื่อสำรวจเงินเก็บที่มีกลับพบว่าไม่เพียงพอ เป็นคุณจะทำอย่างไร? เรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เพราะไม่มีใครล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้ว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไร ครั้นจะหันหน้าไปหยิบยืมใครก็ไม่กล้า หรืออาจไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเราที่ต้องการ สินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด เป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยเราได้ แล้วควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด K-Expert มีคำแนะนำมาฝาก



กรณีที่ 1: หากช็อตเงินหรือต้องการใช้เงินด่วน และไม่สามารถรอได้ เช่น ต้องนำเงินไปจ่ายค่ารักษากรณีเจ็บป่วย นำเงินไปซ่อมบ้าน ซ่อมรถ

         
         - กดเงินสดจากบัตรเครดิต  
          เหมาะกับ  คนที่มีบัตรเครดิต และใช้บัตรเครดิตอยู่เป็นประจำ เมื่อช็อตเงินระยะสั้นๆ แล้วประเมินตัวเองได้ว่าจะสามารถนำมาจ่ายคืนได้เร็ว เช่น รอเงินเดือนออกอีกไม่กี่วันก็สามารถนำมาจ่ายคืนได้หมดแล้ว ก็สามารถกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้ได้  
          ข้อดี    สะดวก ง่าย ได้เงินทันใจ และอัตราดอกเบี้ยไม่สูงมาก 
          ข้อจำกัด   ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป และมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด 3% ของยอดเงินที่กด
 
         -กดเงินสดจากบัตรกดเงินสด (บัตรกดเงินสด K-Express Cash)  
          เหมาะกับ  คนที่ไม่มีบัตรเครดิต เนื่องจากอาจจะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำในการสมัครบัตรเครดิต แต่สามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้ หรือมีบัตรกดเงินสดอยู่แล้ว เมื่อช็อตเงินระยะสั้นๆ แล้วประเมินตัวเองได้ว่าจะสามารถนำมาจ่ายคืนได้เร็ว ก็สามารถกดเงินสดจากบัตรกดเงินสดมาใช้ได้  
          ข้อดี    สมัครง่าย สะดวก ได้เงินทันใจ และไม่มีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด  
          ข้อจำกัด   อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง

          ​คราวนี้ลองมาดูกันว่า ระหว่าง “บัตรเครดิต” กับ “บัตรกดเงินสด” หากต้องการเงินใช้เงินฉุกเฉินขึ้นมา บัตรใดจะคุ้มค่ากว่ากัน

           กรณีกดเงินสดไม่เกิน 80,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด 27% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต 18% ต่อปี    โดยจ่ายขั้นต่ำของแต่ละบัตรอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน จากการคำนวณพบว่า​

          - หากกดเงินสดแล้วจ่ายคืนทั้งหมดภายใน 3 เดือน ควรใช้บัตรกดเงินสด เพราะมีดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายโดยรวมน้อยกว่า

          - หากกดเงินสดแล้วจ่ายคืนทั้งหมดได้หลัง 3 เดือน ควรใช้บัตรเครดิต เพราะมีดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายโดยรวมน้อยกว่า​



กรณีที่ 2: หากต้องการเงินก้อน แต่ไม่ฉุกเฉิน สามารถรอได้ ไม่ได้รีบใช้เงินมาก เช่น นำเงินไปแต่งบ้าน แต่งงาน เรียนต่อ


          -สินเชื่อบุคคล (สินเชื่อบุคคลกสิกรไทย) 
          เหมาะกับ  คนที่วางแผนการใช้เงินเอาไว้ล่วงหน้า แต่มีเงินไม่เพียงพอ และไม่สามารถนำเงินก้อนมาจ่ายคืนทีเดียวได้ จึงต้องการทยอยผ่อนจ่ายแบบเท่ากันทุกเดือน ก็สามารถขอสินเชื่อบุคคลมาใช้ได้ 
          ข้อดี     เลือกระยะเวลาผ่อนชำระสั้นหรือยาวได้ ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนเหมาะกับความสามารถในการชำระ  
​          ข้อจำกัด    อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง และหากปิดหนี้ก่อน 24 เดือน จะมีค่าปรับ

เปรียบเทียบบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อบุคคล



​ 
บัตรเครดิต ​

บัตรกดเงินสด  สินเชื่อบุคคล 
วัตถุประสงค์การใช้ 

ใช้จ่ายแทนเงินสด/ผ่อนสินค้า + เป็นวงเงินฉุกเฉินพร้อมใช้ ใช้ผ่อนสินค้า + เป็นวงเงินฉุกเฉินพร้อมใช้ สินเชื่อเงินก้อนพร้อมใช้ 
กรณีต้องการเงินสด เหมาะกับ 
คนที่ช็อตเงินระยะสั้นๆ และสามารถจ่ายคืนได้เ​​​ร็ว ​
คนที่ช็อตเงินระยะสั้นๆ และสามารถจ่ายคืนได้เร็ว คนที่วางแผนใช้เงินล่วงหน้า และต้องการผ่อนจ่ายเท่ากันทุกเดือน โดยเลือกระยะเวลาผ่อนสั้นหรือยาวได้ 
อัตราดอกเบี้ย 18% ต่อปี 
20-27% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับวงเงินอนุมัติ) 19-26% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับวงเงินอนุมัติ) 
ค่าใช้จ่าย 
ค่าธรรมเนียม 3% ของ ยอด​เงินที่กด 
ค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อทุกๆ วงเงินกู้ 2,000 บาท  ค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อทุกๆ วงเงินกู้ 2,000 บาท 
การจ่ายคืนขั้นต่ำ 
อย่างน้อย 10% (ไม่น้อยกว่า 1,000 บาท)​
แต่สามารถจ่ายมากกว่านี้ได้ 
อย่างน้อย 5% (ไม่น้อยกว่า 500 บาท) แต่สามารถจ่ายมากกว่านี้ได้ 
ขึ้นอยู่กับวงเงินอนุมัติและระยะเวลาผ่อนจ่าย โดยผ่อนจ่ายเท่ากันทุกเดือน ​​
การปิด/โปะ ไม่มีค่าปรับ 
ไม่มีค่าปรับ 
ปิดก่อน 24 เดือน มีค่าปรับ 1% 


คำแนะนำในการใช้


           ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อบุคคล หรือกดเงินสดจากบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดมาใช้ อยากให้พิจารณาให้รอบคอบถึงความจำเป็นในการใช้เงินก่อนว่า เราจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้จริงหรือไม่ หากจำเป็นต้องใช้ แต่ไม่รีบมาก สามารถวางแผนเก็บเงินเพื่อให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการได้หรือไม่ และเมื่อตัดสินใจขอสินเชื่อบุคคล หรือกดเงินสดจากบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดมาใช้แล้ว ควรรีบนำเงินมาชำระคืนให้เร็วที่สุด หรือชำระตรงเวลาสม่ำเสมอทุกเดือน วิธีนี้จะช่วยเราประหยัดดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดขึ้นนั่นเอง​


         ทั้งนี้ อยากให้ลองสำรวจตัวเองดูว่า เรามีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้บ้างแล้วหรือยัง หากยังไม่มี แนะนำให้เตรียมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้อย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อป้องกันปัญหาช็อตเงินที่อาจเกิดขึ้น แถมยังช่วยลดการเป็นหนี้และมีภาระทางการเงินตามมาอีกด้วย โดยสำรองเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ 1 เท่า และกองทุนตลาดเงินอีก 5 เท่า เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง หากต้องการใช้เงินเมื่อไรก็สามารถนำมาใช้ได้ทันที


บทความที่เกี่ยวข้อง: 
​ 
Tool: K-Expert Debt Solution  


 

ให้คะแนนบทความ

สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ AFPT

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย