05 ก.ค. 61

5 บทเรียนการลงทุนในกองทุนที่ได้จากบอลโลก

คะแนนเฉลี่ย

ออมและลงทุน

​​​5 บทเรียนการลงทุนในกองทุนที่ได้จากบอลโลก​


 


 

          ช่วงนี้กระแสฟุตบอลโลกฟีเวอร์มาแรงจริงจังนะครับ จะไปที่ไหน ตรงไหนก็มีกลิ่นอายของฟุตบอลมากมายจนแม้แต่คนไม่สนใจฟุตบอลยังต้องเหลียวมาดู ว่ากันว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นฟุตบอลโลกที่ยิงประตูกันเยอะมาก ในขณะเดียวกันก็เป็นครั้งที่ยักษ์ล้มเพียบ ทั้ง เยอรมัน สเปน อาร์เจนตินา โปรตุเกส ต่างก็ตกรอบกันไปหมดแล้ว มีดราม่าเกิดขึ้นมากมายในทุกแมตช์การแข่งขัน ความสำเร็จของทีมอย่างรัสเซีย สวีเดน หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่นที่เกือบล้มเบลเยียมได้ มันน่าเอามาเรียนรู้นะครับ วันนี้ K-Expert จึงเอาข้อคิดจากกลยุทธ์การทำทีมฟุตบอลของทีมเล็กๆ ที่เราเห็นได้มาปรับใช้กับเรื่องของการลงทุนกันครับ


 

1. ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง ทีมฟุตบอลที่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้หลายทีมเป็นทีมขาประจำ มีประสบการณ์มานับไม่ถ้วน บางทีมนานๆ จะได้เข้าร่วมสักที ในขณะที่ทีมอย่างปานามาเพิ่งจะได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ บางทีมมีนักเตะซูเปอร์สตาร์ล้นทีม บางทีมพูดชื่อมาหมดทีมยังไม่เห็นรู้จักสักคน แต่ละทีมจึงมีเป้าหมายที่ต่างกัน บางทีมหวังแชมป์ บางทีมหวังเข้ารอบลึก แต่ก็มีบางทีมที่แค่ยิงประตูทีมอื่นได้ก็ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่แล้วสำหรับพวกเขาแล้ว เช่นเดียวกับการลงทุน นักลงทุนแต่ละคนผ่านประสบการณ์กับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ผ่านร้อนผ่านหนาว และมีสถานภาพที่แตกต่างกัน บางคนทุนหนา บางคนรับความเสี่ยงได้น้อย ซึ่งประสบการณ์และสถานภาพของชีวิตทำให้การตั้งเป้าหมายในการลงทุนนั้นแตกต่างกัน


 

          ถ้าเพิ่งเริ่มลงทุนครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนเลย มันคงเป็นไปได้ยากที่เราจะกลายเป็นเซียนลงทุนได้ใน 3 วัน 7 วัน ดังนั้นเริ่มจากการแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยไว้ก้อนหนึ่งก่อน ส่วนอีกก้อน หากรับความเสี่ยงได้ก็ค่อยเอาไปลงทุนในหุ้น ค่อยๆ เก็บประสบการณ์ สังเกตการจัดพอร์ตของผู้จัดการกองทุน หมั่นสะสมความรู้ และติดตามข่าว พอเริ่มมีประสบการณ์แล้วจึงค่อยโยกเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น หรือทองคำมากขึ้น


 

          หรือหากประเมินตัวเองแล้วรู้ตัวว่ารับความเสี่ยงได้น้อย ก็อย่าไปตั้งเป้าเกินจริงว่า จะลงทุนได้ผลตอบแทนเยอะๆ ทั้งๆ ที่ในใจไม่พร้อมจะรับความผันผวนและการขาดทุน ทางที่ดีถือคติช้าแต่ชัวร์ดีกว่า เป้าหมายอาจจะถึงช้าหน่อยเพราะผลตอบแทนน้อยกว่า ยังดีกว่าเสี่ยงลงทุนกับสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง พอขาดทุนแล้วถอดใจเลิกล้มเป้าหมายไปเลย


 

2. สร้างทีมอย่างสมดุล ในฟุตบอลโลกครั้งนี้มีทีมใหญ่ๆ หลายทีม เช่น ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม หรือเยอรมันที่มีสตาร์มากมาย แต่ในทีมฟุตบอล ต้องประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง และกองหน้า แต่ละคนมีบทบาทที่ต่างกัน เพื่อให้ได้ส่วนผสมของทีมที่ดีที่สุด สุดท้ายโค้ชก็ต้องจำใจตัดนักเตะเก่งๆ บางคนออกให้เหลือ 23 คนสุดท้ายที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมาย เราจะเห็นได้ว่าทีมอย่างอาร์เจนตินามีนักเตะแนวรุกล้นทีม  แต่ในบางตำแหน่งกลับไว้ใจไม่ได้ เช่น ตำแหน่งผู้รักษาประตูของทีมดูจะเป็นจุดด้อย ซึ่งทำให้ทีมไปไม่ถึงเป้าหมาย


 

          ในสนามการลงทุน ความสมดุลก็เป็นปัจจัยสำคัญ นักลงทุนควรจัดส่วนผสมการลงทุนที่ดีที่สุด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่ใช่เอาแต่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่น หุ้นกับทองคำ เพราะหวังผลตอบแทนสูงๆ ซึ่งอาจจะดีในช่วงตลาดขึ้น แต่พอถึงวันที่ตลาดหุ้นตก ก็มีโอกาสขาดทุนเยอะ โดยไม่มีสินทรัพย์อื่นช่วยพยุงพอร์ตโดยรวม ดังนั้นการจัดพอร์ตการลงทุนและเหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้จึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความสมดุลในการลงทุนได้ เวลาตลาดดีมูลค่าหุ้นสูงขึ้นขายทำกำไรแล้วมาซื้อตราสารหนี้สร้างความสมดุลให้กับพอร์ตอยู่เรื่อยๆ วันไหนตลาดลงก็ไม่เจ็บหนัก เพราะมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีเอาไว้แล้ว


 

3. รู้จักประเมินสถานการณ์ จุดเด่นอย่างหนึ่งของฟุตบอลโลกในครั้งนี้ก็คือ ทีมเล็กๆ นั้น สามารถสู้กับทีมใหญ่ได้อย่างสนุก ทีมใหญ่หลายทีมพลิกล็อคแพ้ หรือเสมอ หรือโดนยื้อยันช่วงยิงจุดโทษกว่าจะชนะได้ก็หืดจับ ทั้งๆที่ก่อนเกมวิเคราะห์กันว่าน่าจะกินนิ่ม ที่เป็นแบบนี้เพราะโค้ชของทีมเล็กๆ ประเมินสถานการณ์มาดี รู้ว่ากำลังจะเจอกับทีมที่มีเกมรุกเฉียบ ก็ไม่ดึงดันจะเปิดเกมแลก ปรับกลยุทธ์มาเน้นเกมรับ แล้วรอสวน เพิ่มโอกาสในการชนะให้กับทีมตัวเอง


 

          หากมองในเรื่องกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการลงทุน เมื่อปัจจัยในตลาดหรือสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลง ช่วงไหนตลาดขาขึ้นก็เน้นทำกำไรในกองทุนหุ้น หรือทองคำ แต่เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดี ก็ถอยมาตั้งรับด้วยกองทุนตราสารหนี้  เมื่อถึงเวลาที่ตลาดจะกลับมาสดใสก็ใช้โอกาส “ซื้อถูก” ไปรอวัน “ขายแพง” ตอนตลาดถึงช่วงพีก


 

4. มีสติ ไม่ให้อารมณ์เข้าครอบงำ นักกีฬาและทีมฟุตบอลทุกคน อยากได้มีโอกาสชูถ้วยแชมป์โลกกันทั้งนั้น เวลาคนเราอยากอะไรมากๆ ย่อมมีอารมณ์ร่วมเข้าไปเสมอ การมีอารมณ์ร่วม หรือ “อิน” ไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากมีพอสมควร มันก็ช่วยให้เกิดความมุ่งมั่นตั้งใจ แต่ถ้ามีมากไปก็อาจจะกระทบกับการตัดสินใจได้ ยิ่งเมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน ทีมโดนยิงนำ ในขณะที่เวลาใกล้หมด ทีมที่มีผู้เล่นที่มีสติ ไม่ตื่นตระหนก เล่นตามเกมและกลยุทธ์ที่วางไว้ก็มีโอกาสพลิกแซงทีมที่นำซึ่งมัวแต่ดีใจและประมาทคู่แข่งได้


 

          เปรียบได้กับสถานการณ์การลงทุนที่มีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีที่เข้ามา (ยังไม่รวมเรื่องจริงกับเรื่องไม่จริงอีก) หากไม่ตั้งสติดีๆ เอาอารมณ์เป็นตัวนำ นักลงทุนอาจจะตัดสินใจผิดพลาด เช่น เวลาตลาดดี ก็เทเงินไปกองทุนหุ้น จนลืมกระจายความเสี่ยง พอถึงช่วงตลาดขาลงก็ตกใจ รีบขายทิ้งหมดพอร์ต แผนที่เคยตั้งใจไว้จึงไม่ได้ทำ เพราะอารมณ์พาไป


 

5. มีความพยายามและอดทน เราจะเห็นได้ว่าความสำเร็จในการแข่งขันระดับโลกทุกรายการ ไม่ได้มาง่ายๆ หลายทีมอกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะคว้าแชมป์โลกได้ การเรียนรู้ข้อผิดพลาดและสั่งสมประสบการณ์ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ทีมที่แพ้แล้วถอดใจ ไม่เอาความผิดพลาดไปพัฒนา กลับมาอีก 4 ปี อาจจะประสบความล้มเหลวหนักกว่าเดิม


 

          ในชีวิตจริง นักลงทุนก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างที่หวังทุกๆ ครั้ง นักลงทุนที่ดีไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจถูกต้องเสมอ (เพราะในโลกความจริง เราไม่มีทางเลือกถูกเสมอ) แต่คือคนที่เรียนรู้ข้อผิดพลาด จดไว้ว่าผิดพลาดและปรับกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง ตลอดจนมีวินัยและเฝ้ารอโอกาสด้วยความอดทน ไม่ถอดใจยอมแพ้เมื่อผลของการลงทุนไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง


 

          การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ นอกจากความสนุกสนานในการลุ้นว่าใครจะเป็นแชมป์โลกในปีนี้แล้ว หวังว่าข้อคิดต่างๆ ที่ได้จากการแข่งขัน กลยุทธ์ที่บรรดาโค้ชและนักเตะได้แสดงให้โลกเห็นจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้นักลงทุนทั้งหลายนำไปปรับใช้กับการลงทุน แล้วอย่าลืมว่าไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือการลงทุน เราก็ควรจะอยู่กับมันอย่างมีความสุขและสนุกไปกับมัน อย่าเครียดจนเกินไป เพราะสุดท้ายแม้เกมจบ เราก็เริ่มต้นมันใหม่ได้เสมอ


 

ให้คะแนนบทความ