02/11/2558 SCGเพิ่มน้ำหนักอาเซียนตลาดปูนโต3-43% เอสซีจีชี้ดีมานด์ปูนอาเซียนโตแรง 3-43% สวนทางตลาดไทย รวม 9 เดือนรายได้ 7.48 หมื่นล้าน เดินเครื่องโรงงานปูน อินโดฯ เล็งเทกโอเวอร์แห่งที่สอง ปรับเป้ารายได้รวมเหลือ 4.4 แสนล้าน เหตุเคมีภัณฑ์ราคาลดตามน้ำมันดิบตลาดใน ประเทศซบเซา นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ประมาณการ รายได้ปี 2558 คาดว่าทำได้ 4.4 แสนล้าน บาท ต่ำลงจากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 4.8-4.9 แสนล้านบาท เนื่องจากรายได้กลุ่มซีเมนต์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและกลุ่มเคมิคอลลดลง ทำให้รายได้จากการขายสะสม 9 เดือนของเอสซีจีมี 3.34 แสนล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เฉพาะไตรมาส 3 มีรายได้ 1.1 แสนล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกลุ่มเอสซีจีซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รายได้สะสม 9 เดือนมี 1.36 แสนล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปี ก่อน เนื่องจากตลาดซิเมนต์ภายในประเทศฟื้นตัวช้า ปัจจุบันตลาด ณ สิ้นไตรมาส 3 เติบโตติดลบ 1% โดยเฉพาะกลุ่มที่พัก อาศัยเติบโตติดลบ 7% "อยากให้โฟกัสที่กำไรของบริษัท สิ้นไตรมาส 3 มีกำไรสะสม 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน ซึ่งมากกว่า กำไรตลอดปี 2557 ที่มี 3.36 หมื่นล้านบาทแล้ว ดังนั้นเชื่อว่ากำไรปีนี้จะเป็นสถิติใหม่แน่นอน" นายกานต์กล่าวและว่า คาดว่าไตรมาส 4/58 ตลาดปูนน่าจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล และ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล แห่งละ 5 ล้านบาท น่าจะทำให้เกิดโครงการก่อสร้างขนาดย่อมมากขึ้น ทำให้ ตลาดรวมปีนี้โต 0-1% ส่วนการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐ ที่ผ่านมามีการอนุมัติการลงทุนแล้ว เช่น มอเตอร์เวย์ 3 สาย รถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอ ชิต-สะพานใหม่ แต่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจริง ทำให้การใช้ซีเมนต์ยังไม่เติบโต คาดว่าปี 2559 น่าจะเริ่มใช้จริง รวมถึงมี เมกะโปรเจ็กต์อื่น ๆ ที่เชื่อว่ารัฐบาลจะเร่ง ผลักดันแน่นอน เช่น มินิไฮสปีดเทรนไทย-จีน ด้านธุรกิจเอสซีจีในอาเซียนรวมทั้งรายได้จากฐานผลิตและการส่งออกจากไทย เฉพาะไตรมาส 3/58 ทำรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือน ปี 2558 ทำรายได้ 7.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ด้านสินทรัพย์รวมในอาเซียนมีมูลค่า 1.02 แสนล้านบาท คิดเป็น 20% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 5 แสนล้านบาท คาดว่า อนาคตจะมีสัดส่วนสูงขึ้น หลังเอสซีจี มีนโยบายขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยรายได้จากการส่งออกช่วง 9 เดือน พบว่าตลาดอาเซียนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จาก 40% ของรายได้ส่งออกรวม 1.06 แสนล้านบาทเมื่อปี 2557 เพิ่มเป็น 43% จากรายได้รวม 9.77 หมื่นล้านบาทของปี 2558 แทนที่ตลาดเอเชียเหนือ เอเชียใต้ และ อื่น ๆ นายกานต์กล่าวว่า เฉพาะกลุ่มเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในอาเซียน ตลาดเติบโตเป็นบวกตลอดปี 2558 สวน ทางตลาดไทย โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/58 ตลาดอินโดนีเซียเติบโต 3% เวียดนามโต 20% กัมพูชาโต 38% และเมียนมาโต 43% "อาเซียนเป็นตลาดที่เติบโตได้ดีมาก อาจยกเว้นอินโดนีเซียในช่วงนี้ที่การเติบโตต่ำเพราะกำลังจะมีการเลือกตั้งและ ตลาดปูนมีลักษณะโอเวอร์ซัพพลาย แต่อินโดฯมีตลาดขนาดใหญ่ คาดว่าจะมีการขยายตัวอีกมาก และเอสซีจีได้เปรียบเรื่อง ต้นทุน ต่อจากนี้หากมีบริษัทที่ต้องการออกจากธุรกิจปูนอาจเป็นโอกาสของเอสซีจีในการเทกโอเวอร์เป็นโรงงานแห่งที่สอง ได้" นายกานต์กล่าว ทั้งนี้ โรงงานปูนเอสซีจีในอินโดนีเซียเปิดเดินเครื่องแล้วเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ช่วงทดลองผลิตสามารถผลิตปูนได้ 5,000 ตัน/วัน ด้านโรงงานใหม่กำลังผลิต 1.8 ล้านตัน/ปีที่กำลังก่อสร้างในเมียนมา ตามแผนเริ่มผลิตได้ช่วงกลางปีหน้า ส่วนฐาน ผลิตใน สปป.ลาวจะเปิดเดินเครื่องช่วงปี 2560