11/05/2558 ‘เอสซีจี’เชียร์รถไฟไทย-ปอยเปต "กัมพูชา" เป็นอีกตลาดที่ "เอสซีจี"(ปูนซิเมนต์ไทย) ให้ความสำคัญ หลังมีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ถึง 4 ล้านตันต่อ ปี มีการเติบโตเฉลี่ย ปีละ 10-15% จนต้องตั้งโรงงานผลิตแห่งที่ 2 มีกำลังการผลิต 9 แสนตันต่อปี รวม ++"เจ้าสัวมายัง "ท่าเรือออกญามอง" ของ กับโรงงานแรก ทำให้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านตันต่อปี เป้าหมายเพื่อลดการนำเข้าจากไทย เนื่องจากต้องการลดต้นทุนการ ขนส่ง ที่ปัจจุบันต้องขนมาทางเรือ ที่ "อ.นคร หลวง" จ.พระนครศรีอยุยา เจริญ สิริวัฒนภักดี" ร่วมทุนกับนักธุรกิจ ++ที่ตั้งขึ้น7 วัน โดยมี "เอสซีจี โลจิสติกส์"กัมพูชา ซึ่งจะใช้เวลาขนส่งประมาณ มาเมื่อปีที่แล้วเป็นศูนย์กระจายสินค้าให้ ผู้จัดการ บริษัท "เตชิษฐ์ อุ่นวิจิตร"โดยลำเลียงทางรถยนต์ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เอสซีจี โลจิสติกส์ สาขากัมพูชา กล่าวว่า บริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าที่พนมเปญ มีรถบรรทุกสำหรับขนสินค้า จำนวน 500 คัน เนื่องจากประเทศกัมพูชาจะขนส่งทาง รถยนต์เป็นหลักถึง 85% และทางรถไฟ 15% สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการบริษัท ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเอสซีจีเป็นหลัก ประมาณ 70% จะขนส่งสินค้าประเภท ปูนซิ เมนต์ยิปซัม ที่เหลืออีก 30% จะเป็นลูกค้า รายอื่น ๆ ปัจจุบันบริษัทมียอดขาย อยู่ที่ 500 ล้านบาทต่อปี ตั้งเป้าในปี 2558 จะมี ยอดขายอยู่ที่ 600 ล้านบาท และ 1,000 ล้านบาทในปี 2563 "ถ้ามีเส้นทางรถไฟเชื่อมจากด่านคลองลึก มายังปอยเปต และมาเชื่อมกับรถไฟของกัมพูชามายังพนมเปญได้ จะช่วย ร่นระยะเวลาและต้นทุนขนส่งได้อย่างน้อย 10-15%" ขณะที่สภาพตลาดปูนซีเมนต์ใน ประเทศกัมพูชา "เตชิษฐ์" กล่าวว่า ปัจจุบันมีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีคู่แข่งหลายแบ รนด์ทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ แต่เอสซีจียังครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดกว่า 50% ล่าสุดมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด โดยมีการลงทุนมาตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ขาย ชื่อแบรนด์ "Chakreyting" โดยกำหนดราคาขายต่ำกว่าผู้ผลิตรายอื่นอยู่ 10 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อตัน จาก 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงมา อยู่ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และถึงจะมีผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น แต่ "เอสซีจี" ยังคงใช้แบรนด์ "K" หรือ กัมปอต ซิเมนต์มาเป็นตัวบุกตลาด เหมือนเดิม หลังแบรนด์เริ่มติดตลาด ซึ่ง "ปูนแบรนด์ K" ผลิตโดยบริษัท กัมปอตซิเมนต์ จำกัด ที่ "เอสซีจี" ได้มาลงทุนตั้งโรงงานปูนแห่งแรกที่กัมพูชาเมื่อ ประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตั้งอยู่ ในเมืองกัมปอต มีมูลค่าการลงทุน 3,200 ล้านบาท ปัจจุบันมีกำลัง การผลิตอยู่ที่กว่า 1 ล้านตันต่อ ปี