นายไพฑูรย์ อัครรัตนดิลก กรรมการผู้จัดการ บริษัท 111 ช็อป จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์น็อกดาวน์ เฟอร์นิเจอร์
บิลต์อิน แบรนด์ 111 ช็อป จังหวัดปทุมธานี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ของจังหวัดมีการ
ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนบริษัทคาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 50%
มีรายได้กว่า 90 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเพิ่มจุดจำหน่ายเป็น 20 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง
บางส่วน เน้นจับลูกค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม หอพัก บ้านจัดสรร อาคารสำนักงานราชการ เป็นหลัก

สำหรับแผนลงทุนในปี 2557 จะทุ่มงบประมาณ 30 ล้านบาท เปิดจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 30 สาขา ในภาคเหนือ และ ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงพื้นที่ภาคกลางเพิ่มเติม รองรับการขยายตัว ของธุรกิจอสังหาฯ ตามหัวเมืองใน ต่างจังหวัด โดย
จะเริ่มพื้นที่แรกที่จังหวัดนครราชสีมา วางเป้าธุรกิจเติบโตปีละ 50%

นอกจากนี้ยังเตรียมงบประมาณอีก 400 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนตั้งโรงงานเพิ่มอีก 3 แห่งในจังหวัดชายแดน ได้แก่
หนองคาย, กาญจนบุรี และสระแก้ว เพื่อ เป็นฐานผลิตส่งสินค้าไปจำหน่ายยัง สปป.ลาว, เมียนมาร์ รวมถึงเชื่อมโยง ไปยัง
กลุ่มประเทศอินโดจีน เพื่อลด ค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ คาดว่าใน

++ไตรมาส 3 จะเริ่มดำเนินการได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าจะเปิดจุดจำหน่ายให้ครบ 100 สาขา ทั่วประเทศให้ได้ในปี 2558 มีส่วนแบ่งตลาดในเซ็ก
เมนต์บนประมาณ 10% หรือมีรายได้ 1,200 ล้านบาท ของมูลค่าตลาดรวม 1.5 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 2-3%
ขณะเดียวกัน หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 บริษัทมี แผนจะขยายตลาดไปยังภูมิภาคยุโรป
และตะวันออกกลางมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

"จุดแข็งของแบรนด์ 111 ช็อป หากเทียบกับสินค้าระดับพรีเมี่ยมในโมเดิร์นเทรด ราคาจะถูกกว่า 30-40% เนื่องจาก
ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า เพราะทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่สามารถหาวัตถุดิบในการผลิตในราคาที่ต่ำได้ คุณภาพของสินค้า
สามารถเทียบเท่ากับแบรนด์ดังได้ จึงทำให้ลูกค้ายอมรับ" นายไพฑูรย์กล่าว

ภายในปี 2559 มีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เพื่อระดมทุน ขยายกิจการต่อไป รองรับตลาดที่จะขยายตัว ขณะเดียวกัน จะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ วิจัยพฤติกรรม
ผู้บริโภค เพื่อผลิตสินค้าให้เป็นตามผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป สำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
จะช่วยให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจใน วงกว้าง ปัจจัยลบที่เป็นห่วง คือ
ความ ขัดแย้งทางการเมือง ที่จะส่งผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อหดตัว