15/05/2555 10บจ.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ไตรมาสแรกกำไรวูบ27% 10 บริษัทจดทะเบียนกลุ่มวัสดุก่อสร้างไตรมาสแรกกำไรวูบ 27% กลุ่มธุรกิจคอนกรีต-อิฐมวลเบา โตสวน อุตสาหกรรม เผย ทิปโก้ อ่วมสุด ขาดทุนประกันความเสี่ยงฉุดกำไรทรุดกว่า 93% นักวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้ม ยังดี แต่ห่วงกำไรหด เหตุต้นทุนพุ่งรอบด้าน จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ พบว่า บริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 10 บริษัท รายงานผล ประกอบการงวดไตรมาส 1/2555 กำไรสุทธิลดลงเหลือ 8,117 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไร สุทธิ 11,183.55 ล้านบาทลดลง 27.42% บริษัทที่มีกำไรลดลงได้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) มีกำไร 5,972.15 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 9,207.24 ล้านบาท ลดลง 35.14% บริษัททิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) มีกำไรสุทธิ 5.72 ล้านบาท ลดลงจากงวด เดียวกันปีก่อนมีกำไร 93.19 ล้านบาท คิดเป็น 93.86% บริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ (TGCI) 54.89ล้าน บาท จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไร161.12 ล้านบาท ลดลง 65.93% บริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้น ได้แก่ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) มีกำไร 372.57 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวด เดียวกัน 363.79 ล้านบาทลดลง2.41% บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) 1,278.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด เดียวกันปีก่อนมีกำไร 1,116.37 ล้านบาท คิดเป็น 14.53% บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) 33.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไร 4.81 ล้านบาท คิดเป็น 591.77% บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) 192.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกัน 129.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.99% บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม (UMI) 44.764ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไร 38.11ล้าน บาท คิดเป็น 17.46% บริษัท ดีคอนโปรดักส์ (DCON) 31.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 26.07 ล้าน บาท คิดเป็น 19.01% บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ (Q-CON) 131.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี ก่อนมีกำไร 43.79ล้านบาท คิดเป็น 200.67% นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าแนวโน้มผล ประกอบการของกลุ่มวัสดุก่อสร้างน่าจะยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในส่วนรายได้และยอดขาย ขณะที่ความสามารถ ในการทำกำไรอาจจะลดลง เนื่องจากมีภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งต้นทุนค่าแรง ต้นทุนพลังงาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบ กดดันความสามารถในการทำกำไรในปีนี้ อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาเป็นรายธุรกิจ ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่าธุรกิจปูนซีเมนต์น่าจะยังเติบโตได้ดี เพราะปริมาณความต้องการใช้ยังเติบโตระดับ 5-7% โดยเฉพาะบริษัทปูนซิเมนต์ฯ น่าจะมีผลประกอบการที่ดี และมีปัจจัยหนุนเรื่องรับผลดีจากการลงทุนก่อนหน้านี้ ส่วนการที่กำไรไตรมาสแรกปรับตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่สเปรดลดลง แต่ สถานการณ์น่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ จึงแนะนำให้ซื้อลงทุนหุ้นปูนซิเมนต์ไทยต่อไป นายประสิทธิ์ กล่าว นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำให้ซื้อหุ้นปูนซิเมนไทย เนื่องจากคาดว่าผล ประกอบการช่วงไตรมาส 2/2555 จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากส่วนต่างของปิโตรเคมีที่ดีขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตของ โรงงานที่สูงขึ้น, อุปสงค์ของปิโตรเคมีและกระดาษที่ดีขึ้น บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ แนะนำให้ถือหุ้นทิปโก้ฯ เนื่องจากกำไรไตรมาส 1/2555 ทรุดหนักเหลือ เพียง 6 ล้านบาท เนื่องจากขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาสินค้าถึง 532 ล้านบาท ถ้าหากตัดรายการ พิเศษต่างๆ จะมีกำไรปกติที่โดดเด่น 343 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายของบริษัททิปโก้ทำจุดสูงสุดใหม่ถึง 8,672 ล้านบาท แรงหนุนตลาดส่งออกคาดไตรมาส 2/2555 จะได้แรงหนุนจากตลาดในประเทศ ที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณมากขึ้น ทำให้กำไรกลับมา 150-200 ล้าน บาท ความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันดิบ เราลดเกรดลงเหลือ ถือ ลดเป้าหมายลงเหลือ 45 บาท ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2555 จะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบใน ตลาดโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการกลั่นยางมะตอยผันผวนอย่างมาก ทำให้บริษัททิปโก้ฯ มีผลขาดทุนในสัญญา ประกันความเสี่ยง 532 ล้านบาท โดยประมาณ 300 ล้านบาท ได้ปิดสถานะไปแล้ว(ขาดทุนจริง) เหลืออีก 214 ล้าน บาท ซึ่งมีโอกาสจะบวกกลับคืนในไตรมาส 2/55 และ คาดตลาดในประเทศจะมีความต้องการยางมะตอยที่สูงขึ้น จากการบูรณะซ่อมแซม หลังจากที่ไตรมาสแรกมีความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ คาดกำไรไตรมาส 2/2555 จะฟื้นตัวกลับมาประมาณ 150-200 ล้านบาท รายงานระบุว่า ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการ ลดเป้าหมายราคาหุ้นลงเหลือ 45 บาท และลดน้ำหนักลงเป็น ถือ ซึ่งภาวะความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้บริหารต้นทุนลำบาก ดังเช่นที่เกิดขึ้นในไตรมาส แรก แต่ความต้องการยางมะตอยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปีนี้จะสูงขึ้น ได้ปรับประมาณการยอดขายขึ้น แต่ ปรับลดประมาณการกำไรลง โดยประเมินกำไรปีนี้ประมาณ 608 ล้านบาท