01/11/2553

SFG รับอานิสงส์โลกร้อน

นายสันชัย ห้างชัยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไฟเบอร์กลาส จำกัด (SFG) ใน
เครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า จากการฟื้นตัวของภาคก่อสร้าง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยรวม
หลังผ่านภาวะวิกฤตทางการเมืองในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดฉนวนใยแก้วในกลุ่มงาน
โครงการก่อสร้างต่างๆ ของปี 2553 ที่เริ่มฟื้นตัวอย่างจริงจังในช่วงไตรมาสที่ 3คาดว่า
การเติบโตของตลาดฉนวนกันความร้อนและกันเสียงในปี 2553-2554 ยังคงมีการขยายตัว
อย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนทั้งในภาคเอกชน และเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ผ่าน
โครงการก่อสร้างต่างๆ และส่งผลให้ตลาดรวมของฉนวนงานโครงการ โตเพิ่มขึ้นอีก
ประมาณ 10-15%

ในปีนี้ บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาตลาดฉนวนงานบ้าน และฉนวนงานเสียงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า
ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นของการพัฒนาตลาด ซึ่งปัจจุบันฉนวนตราช้างเป็นผู้นำทาง
การตลาด อยู่ถึง 80% และนับเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสขยายตัวไปอีกมาก เพราะ
นอกเหนือจากการเติบโตของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปี
หลังแล้ว บริษัทยังได้รับแรงสนับสนุนจากกระแสภาวะโลกร้อน การอนุรักษ์พลังงาน และที่
สำคัญที่สุด คือการเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ SCG eco valueและผลจากการ
รวม one brand "ตราช้าง" ของเอสซีจีซึ่งทำให้ฉนวนตราช้าง STAY COOL เป็น
ที่รู้จักต่อสาธารณชนในวงกว้าง คาดการณ์ว่า ในปี 2553 บริษัทจะมีอัตราเติบโตสำหรับ
ฉนวนงานบ้าน เพิ่มขึ้นประมาณ 30-35% ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวัติการณ์ ของบริษัทเมื่อ
เทียบกับปีที่ผ่านมา จากเป้าหมายที่วางไว้เพียง 20%

"คาดว่าน่าจะมียอดขายในภาพรวม ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านตารางเมตรต่อปี สอดคล้องกับการ
เติบโตของตลาดวัสดุก่อสร้างโดยภาพรวม ซึ่งฟื้นตัวจากปี 2552 ที่ติดลบประมาณ 5-
10% จากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินของโลก ทั้งนี้เป็นผลจากการ
ผลักดันการสร้างการรับรู้ในคุณสมบัติที่ดีของฉนวนกันความร้อน STAY COOL ตรา
ช้าง ที่ช่วยลดภาวะความร้อนภายในตัวบ้าน พร้อมช่วยประหยัดการใช้ไฟจากเครื่องปรับอากาศ
ได้สูงถึง 47% และเป็นสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการ
ประชาสัมพันธ์ และ การทำ IMC ในทุกรูปแบบ รวมทั้งการบริหารช่องทางการจำหน่าย
แบบครบวงจร ซึ่งถือว่าเป็นผลต่อเนื่องจากที่ฉนวนตราช้างได้ทำการตลาดอย่างจริงจังมา
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา" นายสันชัย กล่าวและเพิ่มเติมว่า

นอกจากการพัฒนาสินค้า การผลักดันในการสร้างการรับรู้และตระหนักถึงการอนุรักษ์
พลังงาน จะยังคงเป็นแนวทางหลักในการขยายตลาดในปี 2554 ที่ทางบริษัทจะดำเนินการ
อย่างต่อเนื่อง และยังให้ความสำคัญต่อการให้บริการแบบ Total Solution โดยอาศัยช่อง
ทางการจำหน่ายหลัก คือร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ทที่มีการ
จัดตั้ง Home Solution และ Roofing Center ตามพื้นที่หลักทั่วประเทศ ใน
ส่วนของการส่งออกต่างประเทศนั้น ทางบริษัทได้รับการสนับสนุนจากบริษัทค้าสากลซิเมนต์
ไทย ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลการส่งออกสินค้าของ SCG โดยการทำตลาดและให้การดูแลลูกค้า
อย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าหลักมีความมั่นใจและยอมรับในสินค้าและบริการตลาดหลักใน
ปี 2553-2554 เป็นการขายเข้ากลุ่มประเทศในแถบเอเชียหลาย
ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย

นายสันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า งบประมาณการตลาดในปีนั้น กำหนดไว้ประมาณ 30-35 ล้าน
บาท โดยจะมีกิจกรรม Above the line คือการโฆษณาวิทยุ ในเขตกรุงเทพฯ และ
ตามหัวเมืองต่างๆ ในต่างจังหวัด รวมทั้งการจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามสถานที่ที่คาดว่าจะเป็น
กลุ่มเป้าหมายของบริษัท ส่วน Below the line การพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายให้เข้าถึง
กลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคต่างๆ มากขึ้น ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยร่วมกับกลุ่ม
ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง SCG ในการ
จัดทำ Roofing Center, Ceiling & Wall Solution และ Home So
lution ซึ่งจะมีทั้งการแสดงสินค้าและมีเจ้าหน้าที่ให้บริการปรึกษา ซึ่งรวมถึงบริการติดตั้ง
ด้วย>