นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่าย
สินค้า-วัสดุอุปกรณ์ ตกแต่งบ้านและคอนโดฯ “โฮมเวิร์ค” และศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างครบวงจร “ไทวัสดุ”
เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท ในการดำเนินงานของธุรกิจของ
“โฮมเวิร์ค” และ “ไทวัสดุ” ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าของบริษัท สำหรับการขยายสาขาเพิ่ม 2 เท่า จากปัจจุบันที่มี
การใช้งบประมาณลงทุนการขยายสาขาเพิ่มอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท หรือขยายสาขา 3-4 สาขาต่อปี เพื่อสร้างความ
แข็งแกร่งให้กับธุรกิจ พร้อมแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่ง และซ่อมแซมที่อยู่
อาศัยที่มีอยู่ปีละประมาณ 5-6 ราย เช่น โฮมโปร, เอสซีจี เป็นต้น

สำหรับแผนธุรกิจไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 นี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสาขาใหม่ของ ไทวัสดุ สาขาที่ 2 หลัง
ประสบความสำเร็จจากการเปิดสาขาแรกที่บางบัวทองเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายต่อเดือนสูงถึง 70 ล้านบาท
และมีสมาชิกบัตรไทการ์ด อยู่ประมาณ 20,000 กว่าราย

ทั้งนี้ สาขาที่ 2 ของไทวัสดุ จะเปิดที่ร่มเกล้า สุขาภิบาล 3 พร้อมเปิดให้บริการเดือน ธ.ค. นี้ ด้วยงบลงทุนกว่า 900
ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 36 ไร่ พร้อมที่จอดรถในร่มกว่า 300 คัน รวมพื้นที่อาคารประมาณ 24,000 ตารางเมตร และ
มีสินค้าจำหน่ายกว่า 100,000 รายการ เชื่อได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมาและ
เจ้าของบ้าน เป็นอย่างดี โดยคาดหลังเปิดให้บริการจะสามารถทำยอดขายต่อเดือนสูงถึง 80 ล้านบาท และมี
ยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเดือนเป็น 100 ล้านบาทภายใน 2 ปี เมื่อมีการขยายสาขาเพิ่ม นอกจากนี้เชื่อว่าจะมีลูกค้าสมาชิก
บัตรไทการ์ดเพิ่มเป็น 50,000 ราย จากปัจจุบันอยู่ที่ 20,000 รายดังกล่าว ส่วนโฮมเวิร์ค ไตรมาสสุดท้ายยังไม่มีการ
ขยายสาขาเพิ่ม

ขณะที่แผนในปี 2554 บริษัทมองว่าทั้ง “ไทวัสดุ” และ “โฮมเวิร์ค” มีแผนเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทั้งใน
กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีศักยภาพสูง รองรับการเติบโตของตลาดค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่ง และ
ซ่อมแซมบ้านต่อไป โดยมองว่าจะเปิดสาขาเพิ่มประมาณ 4 สาขา ใช้งบลงทุนประมาณ 900-1,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เชื่อหลังจากรุกทำการขยายสาขาและทำตลาดอย่างต่อเนื่องจะทำให้สิ้นปี 2553 บริษัทมีอัตราการ
เติบโตอยู่ที่ร้อยละ 25 หรือประมาณ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายที่มาจาก “ไทวัสดุ” ประมาณ 500 ล้าน
บาท และ “โฮมเวิร์ค” ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2554 คาดมียอดขายเติบโตอยุ่ที่ร้อยละ 30 หรือ
ประมาณ 4,500 ล้านบาท>