นายคมวิทย์ บุญธำรงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด อินดัสทรีส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์ไม้แบรนด์ “CHALE T” เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมตลาดงานไม้ในปีนี้คิดเป็นมูลค่าทางการตลาด
ประมาณ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องมาจากตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้มีการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 80,000-100,000 ยู
นิต จึงเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อตลาดงานไม้ให้เติบโตดีขึ้น โดยปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้าสู่
ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภค อาทิ ประตู หน้าต่าง เป็นต้น โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้า
รายได้เติบโต 10% เท่ากับปีที่ผ่านมา

สำหรับแนวทางการตลาดของบริษัทในปีนี้ยังคงมุ่งเน้นการผลิตเพื่อทำการตลาดทั้งในประเทศและส่งออกใน
ภูมิภาคเอเชียในสัดส่วน 70:30 ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากตลาดรับรู้
ถึงแบรนด์ CHALE T ว่าเป็นเจ้าแห่งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมไม้ตามนโยบายที่บริษัทให้ความสำคัญ มีการจัด
งบประมาณในการค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดบริษัทได้นำนวัตกรรมไม้ใหม่ล่าสุดเข้าร่วมจัดแสดงในงานสถาปนิก’53 ซึ่งได้นำนวัตกรรมการสร้างบ้าน
ด้วยไม้ป่าปลูกสำเร็จรูป ซึ่งบริษัทผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป (พรีแฟบ) จากโรงงานและนำไปประกอบเป็นตัวบ้านที่
หน้างาน ขณะนี้มีอยู่กว่า 5 รูปแบบ อาทิ CHALE T Inno Resort รีสอร์ตแบบใหม่สไตล์โมเดิร์น, CHALE T da
Vinci นวัตกรรมโครงสร้างไม้ และ Accoya ไม้ที่มีความทนทานที่สุดในโลก ขนาดพื้นที่ใช้สอย 40-200 ตร.ม. ใน
ราคา 1.5-2 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจ เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด
(มหาชน)

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ไม้แบรนด์ CHALE T มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือลูกค้ารีสอร์ต โดยเฉพาะพื้นที่ริมทะเลที่มีปัญหา
จากน้ำเค็มทำให้บ้านที่ทำจากเหล็ก ปูน หรืออื่นๆได้รับผลกระทบจากการถูกกัดกร่อน รวมทั้งการก่อสร้างบน
เกาะที่มีปัญหาการขนส่งวัสดุค่อนข้างลำบาก โดยสินค้าของบริษัทจะช่วยให้การก่อสร้างบ้านรวดเร็วขึ้นและยัง
สามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 20% อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทมีแผนเปิดตัวโชว์รูมเพิ่ม 2 แห่งคือ ที่ค
ริสตัส ดีไซน์ เซ็นเตอร์ เพื่อนำแบบบ้านดังกล่าวไปจัดแสดง โดยใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท และที่จังหวัด
ภูเก็ต>