นายอัครพงศ์ นิธยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กะรัต ฟอเซท จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย
อุปกรณ์ในห้องน้ำ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดโชว์รูมนิคเลส - วิเซนทิน(Nikles –
Visentin Shop) ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำ ฝักบัวและอุปกรณ์ในห้องน้ำคุณภาพจากอิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ที่
โครงการ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ด้วยงบประมาณกว่า 10 ล้านบาทในช่วงก่อนหน้านี้ ทางบริษัทยังได้รับการ
ติดต่อจากโครงการคริสตัลพาร์ค เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ห้องน้ำและฝักบัวภายในบ้านจัดสรรทุกหลังรวมมูลค่า
ประมาณ 150 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2-3 ปีที่มีการพัฒนาโครงการด้วย ซึ่งสินค้าแบรนด์วิเซนทินและนิคเลส
มีราคาตั้งแต่ 50,000-1.5 ล้านบาท

บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตของผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 แบรนด์ดังกล่าวได้ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมี
สัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 10% หรือมีมูลค่าประมาณ 20-45 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้อยู่ประมาณ
5% หรือประมาณ 20 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทยังวางแผนที่จะเข้าทำตลาดกับผู้ประกอบการด้าน
อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่พัฒนาโครงการในตลาดระดับไฮเอนด์ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา

"ตลาดอุปกรณ์ห้องน้ำและฝักบัวในระดับไฮเอนด์ ยังมีช่วงว่างทางการตลาดที่สามารถจะสร้างการ
เติบโตได้ เพราะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อยังมีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้ ขณะที่อสังหาฯ ที่เป็นระดับไฮเอนด์ก็
ยังมีการพัฒนาออกมา และเชื่อว่าปีนี้ตลาดอสังหาฯ ก็ยังมีการเติบโตได้อีก 10-15% ซึ่งการทำตลาดบริษัทจะเน้น
ไปที่กลุ่มสถาปนิก ผู้ออกแบบ รวมถึงเจ้าของโครงการ เพื่อนำเสนอสินค้าดังกล่าวด้วย ซึ่งปีนี้บริษัทเตรียม
งบประมาณทำตลาดไว้ 30 -35 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาใช้ 15-20 ล้านบาท" นายอัครพงศ์ กล่าวและว่า

นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 4-5 แห่ง ภายในร้านบุญถาวร อาทิ สาขารังสิต พัทยา
เกษตรฯ-นวมินทร์ เป็นต้น โดยใช้งบประมาณรวม 3 ล้านบาท ขณะเดียวกันจากการที่บริษัทมีโรงงานผลิตสินค้า
เป็นของตนเองที่จ.สระบุรี ทางแบรนด์วิเซนทินมีแผนที่จะจ้างบริษัทให้ผลิตอุปกรณ์ก๊อกน้ำเพื่อใช้ร่วมกับสินค้า
ของวิเซนทิน และนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ส่วนการส่งออก
ผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นเป็น 30% จากปีที่ผ่านมาส่งออกในสัดส่วน 20%

สำหรับตลาดรวมผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำมีมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องจาก
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลรวมทั้งการเปิดตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในอัตรา 12-15% โดยบริษัท
คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% ในปีนี้ หรือมีรายได้ประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมา
12% ส่วนผลประกอบการในปีที่ผ่านมามียอดขาย 400 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 8%>